เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - ข้อมูลล่าสุดจากสำนักงานผู้แทนองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ประจำกรุงแบกแดดของอิรัก ที่มีการเปิดเผยในวันพุธ (2) ระบุว่า เฉพาะในเดือนกันยายนที่ผ่านมาเพียงเดือนเดียว มีจำนวนผู้เสียชีวิตจากเหตุรุนแรงในอิรักไปแล้วเกือบ 1,000 ราย
สำนักงานผู้แทนยูเอ็นในกรุงแบกแดดเผยว่า ในเดือนกันยายนที่เพิ่งผ่านพ้นไปมีผู้ที่ต้องจบชีวิตเพราะเหตุรุนแรง ตลอดจนการโจมตีในรูปแบบต่างๆ ทั่วอิรักทั้งสิ้น 979 คน ซึ่งในจำนวนนี้ 887 คนเป็นพลเรือนผู้บริสุทธิ์ ที่ตกเป็นเหยื่อของการโจมตีจากกลุ่มติดอาวุธของพวกมุสลิมนิกายซุนนีหัวรุนแรง ที่เป็นปฏิปักษ์กับรัฐบาลชุดปัจจุบันของอิรักที่นำโดยพวกมุสลิมชีอะห์
รายงานล่าสุดของยูเอ็นระบุว่า กรุงแบกแดด เมืองหลวงของอิรัก เป็นพื้นที่ที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในเดือนกันยายน คือ 418 ราย จากจำนวนผู้เสียชีวิตเพราะความรุนแรงทั่วประเทศ 979 คน ขณะที่จำนวนผู้บาดเจ็บทั่วประเทศในเดือนที่แล้วมีทั้งสิ้น 2,133 ราย
ข้อมูลของสำนักงานยูเอ็นในอิรักยังระบุด้วยว่า หากนับย้อนไปตั้งแต่เดือนเมษายนแล้ว จำนวนผู้ที่เสียชีวิตจากเหตุรุนแรงทั่วอิรักจะมีมากกว่า 5,000 ราย ส่งผลให้ปี 2013 นี้กลายเป็นปีที่เกิดการนองเลือดมากที่สุดของอิรัก นับตั้งแต่ปี 2008 เป็นต้นมา
ขณะที่ความขัดแย้งที่เริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้นระหว่างชาวมุสลิมสุหนี่ และชีอะห์ในอิรักเวลานี้ ก็ทำให้อิรักมีสภาพไม่ต่างจากการเป็น “ดินแดนแห่งสงครามกลางเมือง” ดังเช่นเมื่อช่วงปี 2006-2007
อย่างไรก็ดี ตัวเลขผู้เสียชีวิต 979 รายในเดือนกันยายนที่ผ่านมา ยังคงต่ำกว่าจำนวนผู้เสียชีวิต 1,057 คนในช่วงเดือนกรกฎาคม ซึ่งถือเป็นเดือนที่มีผู้ถูกสังหารในอิรักสูงที่สุดในรอบ 5 ปี
ด้านนิโคลาย เอฟติมอฟ มลาเดนอฟ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศของบัลแกเรีย ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากบัน คี มูน เลขาธิการใหญ่องค์การสหประชาชาติเมื่อเดือนสิงหาคม ให้เป็นผู้แทนพิเศษของยูเอ็นด้านอิรัก ออกมาเรียกร้องให้บรรดาผู้นำทางการเมือง และแกนนำทางศาสนาทั้งของชาวมุสลิมสุหนี่ และชีอะห์ หันหน้าเข้าหากันเพื่อหาทางยุติการนองเลือดในประเทศ