เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - รัฐบาลใหม่ของอิหร่าน ภายใต้การนำของประธานาธิบดีฮัสซัน โรฮานี ผู้นำสายกลางประกาศจุดยืนในวันพุธ (25) พร้อมเร่งผลักดันการเจรจากับบรรดาชาติมหาอำนาจ เพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งเรื่องการดำเนินโครงการพัฒนานิวเคลียร์ของอิหร่าน โดยหวังว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลง เพื่อยุติปัญหาในเรื่องนี้ที่ยืดเยื้อมานานได้ภายในระยะเวลา 3-6 เดือนข้างหน้า แม้การหารือในเรื่องนี้แทบไม่มีความคืบหน้าเลยนับตั้งแต่ปี 2006 เป็นต้นมา
โมฮัมหมัด จาวาด ซาริฟ รัฐมนตรีต่างประเทศของอิหร่านมีกำหนดหารือในวันพฤหัสบดี (26) กับจอห์น เคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ รวมถึงรัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ ฝรั่งเศส รัสเซีย จีน และเยอรมนี โดยไฮไลต์สำคัญจะอยู่ที่การพบกันของซาริฟและเคร์รี ซึ่งถือเป็นการเผชิญหน้ากันโดยตรงที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก ระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลเตหะราน และวอชิงตัน
ข่าวการเตรียมพบกันของรัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่านกับตัวแทนชาติมหาอำนาจกลุ่ม “P5+1” (ซึ่งหมายถึง 5 ชาติที่เป็นสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติบวกกับเยอรมนี) มีขึ้นในจังหวะเวลาเดียวกับที่หนังสือพิมพ์ “เดอะ วอชิงตัน โพสต์” รายงานว่า ประธานาธิบดีฮัสซัน โรฮานี ผู้นำคนใหม่ของอิหร่านได้เปิดใจผ่านล่าม ระหว่างการเดินทางเยือนมหานครนิวยอร์กเพื่อเข้าร่วมการประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ โดยโรฮานียืนยันว่า ต้องการบรรลุข้อตกลงเรื่องโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านกับชาติมหาอำนาจภายในระยะเวลา 3-6 เดือนข้างหน้า
ด้านเซย์เอ็ด ยาห์ยา ซาฟาวี ที่ปรึกษาทางทหารอาวุโสของอาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่านเผยกับสำนักข่าว “ฟาร์ส” ในวันพุธ (25) ว่า รัฐบาลเตหะรานต้องการเห็นการแสดงออกที่เป็นรูปธรรมจากสหรัฐฯในการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต่างๆ ต่ออิหร่าน ซึ่งการกระทำดังกล่าวจะถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้เกิด “บรรยากาศของความไว้เนื้อเชื่อใจ” ระหว่างเตหะรานและวอชิงตันมากขึ้น
เจน ซากี โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ต้องการรอดูความชัดเจนจากฝ่ายอิหร่านมากกว่าการแสดงออกทางคำพูดที่สวยหรูเพียงอย่างเดียวของเตหะราน
ขณะที่นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูแห่งอิสราเอลออกมาระบุว่า ตัวเขาและชาวอิสราเอลจำนวนมากยังคงเคลือบแคลงต่อวาทศิลป์อันโก้หรูของฮัสซัน โรฮานี ผู้นำคนใหม่ของอิหร่านในช่วงที่ผ่านมา พร้อมแสดงความมั่นใจว่าไม่เพียงแต่อิสราเอลเท่านั้น แต่ประชาคมโลกก็กำลังรอดูความจริงใจของรัฐบาลอิหร่านอยู่ด้วยเช่นกัน
ในอีกด้านหนึ่ง อาเหม็ต ดาวูโตกลู รัฐมนตรีต่างประเทศของตุรกี ซึ่งประเทศของตนมีพรมแดนติดต่อกับอิหร่าน ยืนยันว่ารัฐบาลอังการาพร้อมสนับสนุนให้เกิดความก้าวหน้าต่อการเกี่ยวพันใดๆ กับอิหร่าน และหวังว่าบรรยากาศเชิงบวกที่ถูกถ่ายทอดส่งออกมาอย่างต่อเนื่องจากรัฐบาลใหม่ของอิหร่านจะยังคงดำเนินต่อไป เพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดที่ดำเนินมายาวนานระหว่างอิหร่านกับประชาคมโลก
