รอยเตอร์/เอเจนซีส์ - คนร้ายสองคนระเบิดฆ่าตัวตายที่ด้านนอกของโบสถ์นิกายแองกลิกันอายุ 130 ปีแห่งหนึ่งในปากีสถานหลังจากพิธีมิสซาเมื่อวานนี้ (22 ก.ย.) โดยเหตุจู่โจมคริสตศาสนิกชนครั้งเลวร้ายที่สุดในดินแดนที่พลเมืองส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิมครั้งนี้ได้ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 78 ราย
ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ปากีสถานเผชิญกับการก่อเหตุรุนแรงของกลุ่มอิสลามิสต์มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งถือเป็นการบ่อนทำลายความพยายามของนายกรัฐมนตรีนาวาซ ชารีฟ ที่จะควบคุมการก่อเหตุไม่สงบ ด้วยการเจรจาสันติภาพร่วมกับกลุ่มตอลิบานในปากีสถาน
หลังจากเหตุโจมตีครั้งนี้เพียงไม่กี่ชั่วโมง ชารีฟก็มีท่าทีแข็งกร้าวมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่ไม่ได้เรียกร้องให้มีปฏิบัติการทางทหารในทันที เพื่อโจมกลุ่มกบฏซึ่งกบดานอยู่ในพื้นที่ของชนเผ่าตามชายแดนปากีสถานติดต่อกับอัฟกานิสถาน ซึ่งเป็นทางเลือกหนึ่งที่กองทัพอันทรงอำนาจอย่างยิ่งของปากีสถานให้การสนับสนุน
“เหตุการณ์เช่นนี้ขัดขวางการเจรจาสันติภาพ” ชารีฟกล่าวออกอากาศ “โชคร้ายนักเพราะมีเรื่องนี้เกิดขึ้น รัฐบาลจึงไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าเพื่อทำในสิ่งที่คาดหมายเอาไว้ เพื่อทำในสิ่งที่ต้องการ”
เหตุระเบิดครั้งนี้เกิดขึ้นที่ “ออลเซนต์เชิร์ช” โบสถ์หินสีขาวที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ที่เมืองเปชาวาร์ ซึ่งอยู่ใกล้กับเขตแดนของพื้นที่ชนเผ่า ตามแนวชายแดน โดยพื้นที่บริเวณนี้เป็นฐานที่มั่นของกลุ่มหัวรุนแรงอิสลามิสต์ ขณะที่ลูกวัดนับร้อยคน ซึ่งจำนวนมากเป็นผู้หญิงและเด็กต่างกรูกันหนีตายออกมาจากโบสถ์แห่งนี้
“ฉันได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นสองครั้ง ผู้คนเริ่มพากันวิ่งหนี ซากศพกระจายไปทั่วโบสถ์” มาร์แกร็ต ลูกวัดคนหนึ่งระบุ
ในการกล่าวซึ่งถ่ายทอดสดจากเมืองเปชาวาร์ เชาธรี นิซาร์ อาลี ข่าน รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยระบุว่า ในบรรดาเหยื่อผู้เสียชีวิต 78 รายนั้น เป็นผู้หญิง 34 คนและเป็นเด็ก 7 คน นอกจากนี้ยังมีประชาชนได้รับบาดเจ็บกว่า 100 คน
“กลุ่มก่อการร้ายที่ฆ่าทั้งผู้หญิงและเด็กพวกนี้เป็นใคร” นิซาร์ตั้งคำถาม
ด้าน ทีทีพี จุนดุลเลาะห์ ซึ่งเป็นกลุ่มหัวรุนแรงที่เชื่อมโยงกับกลุ่มตอลิบานได้อ้างความรับผิดชอบในโศกนาฏกรรมครั้งนี้หลังจากเกิดเหตุได้เพียงไม่กี่ชั่วโมง
“เพราะพวกเขาเป็นศัตรูของศาสนาอิสลาม เราจึงหมายหัวพวกเขา” อาเหม็ด มอร์วอต โฆษกกลุ่มดังกล่าวระบุ “เราจะก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ในปากีสถานซึ่งพวกที่ไม่ใช่มุสลิมอาศัยอยู่ต่อไป”