เอเจนซีส์ - อดีตทหารกองหนุนอเมริกันก่อเหตุกราดยิงในฐานทัพเรือใจกลางวอชิงตันเมื่อวันจันทร์ (16) สังหารเหยื่อ 12 คน และทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 14 คน ก่อนถูกตำรวจวิสามัญ สื่อระบุมือปืนเคยมีปัญหาจากการไม่สามารถระงับอารมณ์ได้อย่างน้อย 2 ครั้ง แต่ไม่เคยถูกดำเนินคดีถึงขั้นขึ้นโรงขึ้นศาล ขณะเดียวกัน เหตุการณ์นี้จุดชนวนวิวาทะเกี่ยวกับการควบคุมอาวุธปืนในอเมริการ้อนระอุอีกรอบ
สำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ (เอฟบีไอ) ที่รับผิดชอบคดีนี้แจกจ่ายภาพถ่ายของ แอรอน อเล็กซิส มือปืนผู้ก่อเหตุ และขอให้ประชาชนช่วยให้ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลผู้นี้ พร้อมระบุว่า ยังไม่ทราบแรงจูงใจในการกราดยิง ซึ่งถือเป็นเหตุสะเทือนขวัญที่สุดที่เกิดขึ้นในสถานที่ตั้งทางทหารของอเมริกานับจากโศกนาฏกรรมปี 2009 ที่พันตรีไนดาล ฮาซาน กราดยิงทหารในฟอร์ตฮูด เทกซัส ทำให้มีผู้เสียชีวิต 13 คน และบาดเจ็บอีก 31 คน
สื่อมวลชนพากันขุดคุ้ยประวัติของอเล็กซิสที่ถูกระบุว่า เป็นชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกัน ที่หันมานับถือศาสนาพุทธขณะเดียวกับที่มีปัญหาในการควบคุมอารมณ์ เขาเคยปรับทุกข์เรื่องการงานในกองทัพเรือไม่ก้าวหน้าและการเป็นเหยื่อการเลือกปฏิบัติ ทั้งนี้นอกจากเคยมีปัญหาด้านวินัยระหว่างรับราชการทหารในปี 2007-2011 แล้ว มือปืนผู้นี้ยังเคยละเมิดกฎหมาย ซึ่งรวมถึงการถูกแจ้งความจากการใช้ปืนสองครั้งในปี 2004 และ 2010 แต่ไม่เคยต้องโทษ และตำรวจระบุว่า เขามีปัญหาด้านอารมณ์
นอกจากนั้น การกราดยิงครั้งนี้ยังจุดชนวนการวิวาทะเกี่ยวกับการควบคุมอาวุธปืนในอเมริกาอีกครั้ง โดยประธานาธิบดีบารัค โอบามา ประณามการกราดยิงที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากครั้งนี้ว่า เป็นการกระทำของคนขลาด และสัญญาว่า ผู้ใดก็ตามที่ก่อเหตุในลักษณะนี้จะต้องรับผิดชอบผลของการกระทำ
ผู้นำสหรัฐฯ ยังสั่งลดธงลงครึ่งเสาเพื่อแสดงความเคารพต่อเหยื่อผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้
อย่างไรก็ดี การผลักดันกฎหมายควบคุมอาวุธปืนดูจะเป็นภารกิจที่หนักหนาสาหัสสำหรับโอบามา ท่ามกลางกระแสต่อต้านจากนักการเมืองอนุรักษ์นิยมและกลุ่มล็อบบี้อาวุธปืนซึ่งทรงอำนาจอิทธิพลอย่างยิ่ง
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันจันทร์ เวลาประมาณ 8.20 น. ตามเวลาท้องถิ่น ในอาคารซึ่งเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่หน่วยงานซ่อมบำรุงเรือของกองทัพเรือ ภายในบริเวณ เนวียาร์ด ที่มีระบบรักษาความปลอดภัยแน่นหนา และอยู่ห่างจากทำเนียบขาวเพียง 6.4 กิโลเมตร และ 3.2 กิโลเมตรจากอาคารรัฐสภา โดยตำรวจเดินทางถึงที่เกิดเหตุหลังจากได้รับแจ้งเพียง 3 นาที
เจ้าหน้าที่ผู้ไม่ประสงค์ออกนามเผยว่า อเล็กซิสพกปืนเข้าไป 3 กระบอกคือ ปืนไรเฟิลเออาร์-15, ปืนสั้น และปืนพกที่ชิงมาจากตำรวจในที่เกิดเหตุ ขณะผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า อเล็กซิสเปิดฉากยิงจากชั้น 4 และเล็งคนที่อยู่บนชั้นหลักซึ่งรวมถึงในห้องอาหาร แต่ผู้เห็นเหตุการณ์บางคนบอกว่า เขายิงจากโถงทางเดินชั้น 3
ขณะที่รถพยาบาลและเจ้าหน้าที่ผู้รักษากฎหมายระดมกำลังเต็มถนนรอบเนวียาร์ด และเฮลิคอปเตอร์บินอยู่เหนือพื้นที่ดังกล่าว โรงเรียนใกล้เคียงได้รับคำสั่งงดการเข้า-ออก และท่าอากาศยานเรแกนสั่งระงับการบินขึ้นลง มีการรักษาความปลอดภัยอาคารรัฐบาลอย่างแน่นหนา ขณะที่วุฒิสภาเลื่อนการประชุม และทีมเบสบอลเนชันแนลส์ของวอชิงตันที่มีสนามแข่งขันติดกับเนวียาร์ด ยกเลิกการแข่งขันช่วงค่ำวันจันทร์
วินเซนต์ เกรย์ นายกเทศมนตรีนครวอชิงตัน เผยว่า มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ 13 คน รวมทั้งมือปืน ส่วนใหญ่เป็นเจ้าหน้าที่พลเรือนและพนักงานสัญญาจ้าง และผู้ได้รับบาดเจ็บ 14 คน
ตลอดทั้งวัน เจ้าหน้าที่พยายามค้นหามือปืนคนที่ 2 ที่อาจแฝงตัวในเครื่องแบบทหาร จนกระทั่งคืนวันจันทร์จึงเชื่อแน่ว่า ผู้ก่อเหตุมีคนเดียวและยกเลิกการห้ามเข้า-ออกอาคารสถานที่ใกล้เคียง
วาเลรี พาร์ลาฟ หัวหน้าสำนักงานภาคสนามในวอชิงตันของเอฟบีไอ เผยว่า อเล็กซิสมีบัตรผ่านเนวียาร์ด เนื่องจากเป็นพนักงานสัญญาจ้างของดิ เอ็กซ์เปิร์ตส์ ซึ่งเป็นผู้รับช่วงสัญญาของเอชพี รับผิดชอบการปรับปรุงยกระดับระบบอินทราเน็ตในกองทัพเรือและหน่วยนาวิกโยธิน
อเล็กซิสเคยเป็นทหารกองหนุนเต็มเวลาของกองทัพเรือระหว่างปี 2007 ถึงต้นปี 2011 ทว่า กองทัพเรือไม่ได้ระบุเหตุผลในการปลดประจำการ โดยตำแหน่งสุดท้ายของเขาคือ ช่างเทคนิคการบินยศจ่าตรี ในเมืองฟอร์ตเวิร์ธ มลรัฐเทกซัส
