เอเอฟพี - 3 ชาติมหาอำนาจตะวันตกในวันจันทร์(16) เดินหน้ากดดันเพื่อให้สหประชาชาติออกมติอันหนักหน่วงต่อการลงโทษซีเรีย หากไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงปลดอาวุธเคมีและสนับสนุนกลุ่มกบฏที่กำลังต่อสู้โค่นล้มประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด เพิ่มเติม ความเคลื่อนไหวที่เรียกเสียงเตือนจากรัสเซีย ว่าอาจกัดเซาะความพยายามนำทั้งสองฝ่ายขึ้นสู่โต๊ะเจรจาสันติภาพเพื่อยุติสงครามกลางเมืองก็เป็นได้
ในความเคลื่อนไหวทางการทูตตามหลังสหรัฐฯและรัสเซียบรรลุข้อตกลงในการปลดอาวุธเคมีของซีเรียเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา 3 ชาติมหาอำนาจตะวันตกอันประกอบด้วยอังกฤษ ฝรั่งเศสและสหรัฐฯ เห็นห้องระหว่างหารือในกรุงปารีส ว่าอัสซาด ควรต้องเผชิญผลลัพธ์ที่เลวร้ายหากว่าเขาไม่ปฏิบัติตามมติของสหประชาชาติในการจำกัดอาวุธเคมี
อย่างไรก็ตามการเจรจาอันเคร่งเครียดนี้จุดชนวนเสียงเตือนมาจากรัสเซียในทันที โดยระบุว่าการสำแดงอำนาจดังกล่าวของชาติตะวันตก อาจกระทบต่อความพยายามดึงฝ่ายรัฐบาลและกบฏขึ้นสู่โต๊ะเจรจาที่มีเป้าหมายยุติสงครามกลางเมือง ซึ่งเกาะกุมประเทศแห่งนี้มานานกว่า 2 ปี และมีประชาชนเสียชีวิตมากกว่า 110,000 ราย
จอห์น เคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯระบุว่าเป็นเรื่องสำคัญที่ชาติพันธมิตร ซึ่งจ่อใช้ปฏิบัติการทางทหารโจมตีทางอากาศต่อนายอัสซาดในช่วงต้นเดือน จะยังคงเดินหน้ากดดันฝ่ายรัฐบาลต่อไป หลังจากกล่าวโทษว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุใช้อาวุธเคมีเข่นฆ่าพลเรือนเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม
"ถ้าอัสซาด ไม่ยอมทำตามเงื่อนไขของกรอบข้อตกลงนี้ เราทั้งหมด ซึ่งรวมถึงรัสเซีย เห็นพ้องกันว่าผลลัพธ์ที่เลวร้ายจะตามมา" เคร์รี กล่าว "ถ้ารัฐบาลซีเรียเชื่อว่านี่มันไม่สามารถบังคับใช้ได้และเราไม่จริงจัง พวกเขาก็จะเล่นเกมต่อไป" ด้านวิลเลียม เฮก รัฐมนตรีต่างประเทศของอังกฤษ ระบุว่า "จะมีการกดดันรัฐบาลซีเรียให้ปฏิบัติตามข้อตกลงนี้อย่างเต็มกำลัง โลกต้องเตรียมสำหรับลงโทษพวกเขาหากไม่ยอมทำตาม"
สหรัฐฯและรัสเซีย เห็นพ้องที่เจนีวาเมื่อวันเสาร์(14) ในข้อตกลงว่าการกำจัดอาวุธเคมีของซีเรียในช่วงกลางปี 2014 จะต้องได้รับการปกป้องจากมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาติที่มีสิทธิ์ใช้มาตรการลงโทษอย่างไม่เฉพาะเจาะจงในกรณีที่ไม่มีการปฏิบัติตาม อย่างไรก็ตาม มอสโก แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่าจะเคลื่อนไหวขัดขวางความพยายามใดๆต่อการร่างมติที่ให้อำนาจใช้กำลังทหารในการแก้ปัญหา
นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศของรัสเซียกล่าวว่าวิธีการดังกล่าวจะกัดเซาะความหวังในการรื้อฟื้นโต๊ะเจรจาสันติภาพที่หยุดนิ่งมานาน "มันเป็นสิ่งสำคัญ หากฝ่ายหนึ่งยังคงข่มขู่อย่างไม่ลดละ มันก็จะเป็นการทำลายโอกาสสำหรับการนัดประชุมอีกครั้งโดยสิ้งเชิง" ลาฟรอฟบอกกับผู้สื่อข่าว
ข้อตกลงสหรัฐฯ-รัสเซีย ที่เห็นพ้องเมื่อวันเสาร์(14) ให้เวลานายอัสซาด 1 สัปดาห์สำหรับส่งมอบรายละเอียดคลังอาวุธเคมี และเรียกร้องเปิดทางให้คณะเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญของสหประชาชาติ เดินทางเข้าไปตรวจสอบภาคสนามในซีเรีย ซึ่งทางรัฐบาลสหรัฐฯเชื่อว่ามีโครงการอาวุธเคมี 45 แห่งทั่วประเทศ ภายในเดือนพฤศจิกายน ตามเป้าหมายกำจัดอาวุธเคมีของซีเรียทั้งหมดในช่วงกลางปี 2014
ข้อตกลงนี้สร้างความไม่พอใจแก่พวกแกนนำฝ่ายกบฏ ซึ่งกังวลว่าความตั้งใจพูดคุยกับนายอัสซาดของชาติตะวันตก จะทำให้อำนาจของประธานาธิบดีรายนี้มั่นคงขึ้น และการได้รับการสนับสนุนทางอาวุธของพวกเขาอาจประสบกับภาวะชะงักงัน อย่างไรก็ตามนายเคร์รี ยืนยันว่าข้อตกลงส่งมอบอาวุธเคมี ไม่ได้หมายความว่าเป็นการให้สิทธิ์นายอัสซาด อยู่ในอำนาจต่อไป