xs
xsm
sm
md
lg

“เคร์รี-ลาฟรอฟ” บรรลุข้อตกลงร่วม หาทางออกวิกฤตซีเรีย ปูทางทำลาย “อาวุธเคมี”ของอัสซาดภายในกลางปีหน้า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอเอฟพี/เอเจนซีส์-สหรัฐฯและรัสเซียบรรลุข้อตกลงครั้งประวัติศาสตร์ร่วมกันในวันเสาร์ (14) เกี่ยวกับการทำลายอาวุธเคมีในครอบครองของรัฐบาลซีเรียภายในช่วงกลางปี 2014

ข้อตกลงดังกล่าวระหว่างสหรัฐฯและรัสเซียเรียกร้องให้มีการตรวจสอบขั้นต้นในซีเรียภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ และจะมีการให้เวลาแก่ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ผู้นำซีเรีย 1 สัปดาห์ ในการเปิดเผยคลังแสงอาวุธเคมีในความควบคุมของรัฐบาลดามัสกัส เพื่อปูทางไปสู่การทำลายอาวุธเคมีทั้งหมดในความครอบครองของรัฐบาลซีเรียภายในช่วงกลางปีหน้า ขณะเดียวกัน การเห็นชอบจากองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ยังคงเป็นสิ่งจำเป็น สำหรับการบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรใดๆต่อซีเรีย

ข้อตกลงเพื่อหาทางออกต่อวิกฤตซีเรียมีขึ้นหลังการหารือนานกว่า 3 วันที่นครเจนีวาของสวิตเซอร์แลนด์ ระหว่างจอห์น เคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ และเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศของรัสเซีย

อย่างไรก็ดี รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐฯ ยืนยันว่า แม้จะมีการบรรลุข้อตกลงระหว่างสหรัฐฯกับรัสเซีย ต่อวิกฤตในซีเรียที่เจนีวา แต่ประธานาธิบดีบารัค โอบามาซึ่งตัดสินใจเลื่อนการโจมตีซีเรียมาแล้วถึง 2 ครั้ง ยังคงสงวนสิทธิใดๆในการที่จะใช้มาตรการทางทหารต่อซีเรียได้หากระบอบอัสซาด บิดพลิ้ว หรือ ไม่จริงใจ ในการส่งมอบการครอบครองอาวุธเคมีและน้อมรับการตรวจสอบจากนานาชาติ

ขณะที่บรรดาแหล่งข่าวในแวดวงการทูตต่างแสดงความคาดหวังว่า ข้อตกลงดังกล่าวอาจถูกใช้เป็นเครื่องมือในการรื้อฟื้นกระบวนการสันติภาพเพื่อยุติสงครามกลางเมืองในซีเรียที่ดำเนินมานานกว่า 2 ปีครึ่ง และคร่าชีวิตผู้คนไปแล้วมากกว่า 100,000 คนด้วยเช่นกัน แม้จนถึงขณะนี้ บรรดาฝ่ายต่อต้านรัฐบาลซีเรียยังคงยืนยันว่า การเจรจาสันติภาพใดๆจะมีขึ้นได้ก็ต่อเมื่อประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ผู้นำซีเรียยอมรับในเงื่อนไขที่ว่าตัวเขาต้องยอมสละอำนาจ

ขณะเดียวกัน มีการยืนยันว่า ทั้งเคร์รีและลาฟรอฟ มีกำหนดจะเข้าหารือภายในเดือนนี้กับลัคดาร์ บราฮิมี ทูตพิเศษของยูเอ็นด้านปัญหาซีเรีย ชาวแอลจีเรีย อีกครั้งระหว่างการเปิดประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติที่มหานครนิวยอร์ก

ข้อตกลงทางการทูตครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างสหรัฐฯและรัสเซียมีขึ้นหลังบรรดาหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯและชาติพันธมิตรต่างอ้างว่า รัฐบาลอัสซาดอยู่เบื้องหลังการโจมตีด้วยอาวุธเคมีที่ย่านชานกรุงดามัสกัสเมื่อ 21 สิงหาคมที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 1,400 คน รวมถึงเด็กๆอย่างน้อย 400 คน สวนทางกับข่าวกรองของรัสเซียที่ยืนยันว่าการโจมตีที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือของฝ่ายกบฏในซีเรีย มิใช่ฝีมือของฝ่ายอัสซาด

ล่าสุด วิลเลียม เฮก รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ ออกโรงแสดงความยินดีในวันเสาร์ (14) ต่อการบรรลุข้อตกลงระหว่างสหรัฐฯและรัสเซีย แต่ย้ำว่าการบังคับใช้ข้อตกลงดังกล่าวอย่างทันทีทันใดและเต็มรูปแบบถือเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งยวด และต้องแน่ใจว่า ระบอบอัสซาดจะไม่บิดพลิ้วต่อการส่งมอบอาวุธเคมีในครอบครองของตนให้กับนานาชาติ

กำลังโหลดความคิดเห็น