เอเอฟพี - ชาวยุโรปมีแนวโน้มที่เผชิญกับความยากจนเพิ่มขึ้นอีก 25 ล้านคน ภายในปี 2025 หากรัฐบาลต่างๆ ยังคงผลักดันนโยบายรัดเข็มขัด ซึ่งเป็น “เรื่องไร้สาระทางศีลธรรมและเศรษฐกิจ” องค์กร Oxfamในอังกฤษแถลง วานนี้ (11)
“วิธีรับมือปัญหาเศรษฐกิจของยุโรปสุ่มเสี่ยงที่จะทำให้ทศวรรษแห่งสิทธิทางสังคมหายไป” นาตาเลีย อลอนโซ หัวหน้าสำนักงาน Oxfam ประจำภูมิภาคยุโรป กล่าว
“การตัดเงินอุดหนุนประกันสังคมสุขภาพ และการศึกษา, สิทธิที่น้อยลงสำหรับคนทำงานและการเก็บภาษีที่ไม่เป็นธรรม คือกับดักที่จะทำให้ชาวยุโรปนับล้านเข้าสู่วงจรความยากจน ซึ่งอาจกินเวลาหลายชั่วอายุคน มันช่างเป็นความไร้สาระทั้งในด้านศีลธรรมและเศรษฐกิจ”
“พวกที่จะได้ประโยชน์จากมาตรการนี้มีแค่พวกเศรษฐี 10 เปอร์เซ็นต์ของประชากรยุโรป ซึ่งมั่งคั่งร่ำรวยขึ้นอยู่กลุ่มเดียว”
“กรีซ ไอร์แลนด์ อิตาลี โปรตุเกส สเปน และสหราชอาณาจักร ซึ่งบังคับใช้มาตรการรัดเข็มขัดอย่างเข้มงวด ประเทศเหล่านี้จะอยู่ในกลุ่มประเทศที่ไม่เท่าเทียมกันที่สุดในโลกในอีกไม่ช้า หากผู้นำของพวกเขาไม่ยอมเปลี่ยนแปลง”
“ช่องว่างระหว่างคนรวยและคนจนในสหราชอาณาจักรและสเปน อาจกลายมาเป็นระดับเดียวกับ ซูดานใต้ หรือปารากวัย” อลอนโซกล่าว
“นโยบายนี้จะทำให้พลเมืองยุโรปเสี่ยงที่จะเผชิญความยากจน มากถึง 146 ล้านคน หรือกว่า 1ใน4 ของประชากรยุโรปทั้งหมด” Oxfam แถลงเตือนก่อนการประชุมรัฐมนตรีคลังยุโรป ที่กรุงวิลนีอุส เมืองหลวงลิทัวเนีย
Oxfam ระบุว่า มีบทเรียนมากมายที่ต้องเรียนรู้จากนโยบายการตัดงบประมาณด้านสวัสดิการทางสังคม ในละตินอเมริกา, เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และแอฟริกาในทศวรรษ 1980-1990 ซึ่งบางประเทศในภูมิภาคเหล่านี้ใช้เวลากว่า 2 ทศวรรษกว่าจะฟื้นฟูเศรษฐกิจกลับมาสู่จุดเดิมได้
“ยังมีทางเลือกอื่นๆ นอกจากการใช้มาตรการรัดเข็มขัด เราเรียกร้องให้รัฐบาลในยุโรปผลักดันรูปแบบเศรษฐกิจที่มุ่งลงทุนด้านทรัพยากรมนุษย์, สร้างความแข็งแกร่งให้กับระบอบประชาธิปไตย และจัดเก็บภาษีอย่างเป็นธรรม”
“รัฐบาลต่างๆ สามารถระดมเงินนับพันๆ ล้านยูโร มาพัฒนาระบบบริการสาธารณะ เช่นสุขภาพ การศึกษา โดยการเก็บภาษีพวกมหาเศรษฐีทั้งหลาย และจัดการพวกหลบเลี่ยงภาษี”
“รูปแบบใหม่แห่งความเจริญรุ่งเรืองนี้เป็นไปได้ ขอให้ลงทุนกับสถานศึกษา, โรงพยาบาล, ที่อยู่อาศัย, งานวิจัยและเทคโนโลยี ชาวยุโรปนับล้านจะกลับมามีงานทำและส่งเสริมระบบเศรษฐกิจที่ยั่งยืนได้” อลอนโซ ทิ้งท้าย