เอเจนซีส์ - เอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน ได้เผยล่าสุดผ่านหนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียนในวันพุธ (11) ว่าหน่วยงานความมั่นคงสหรัฐฯ NSA ได้อนุญาตให้อิสราเอลใช้ข้อมูลด้านความมั่นคงร่วมกันอย่างสม่ำเสมอ “โดยไม่มีการลบข้อมูลส่วนตัวที่สำคัญของพลเมืองอเมริกัน” ซึ่งขัดกับสิ่งที่รัฐบาลของบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ อ้างว่า โครงการ “ปริซึม” ของ NSA นั้นมีการป้องกันอย่างสูงเพื่อรักษาสิทธิความเป็นส่วนตัวของชาวอเมริกันที่ได้ถูกกำหนดไว้ในกฎหมายสหรัฐฯ
เอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน ได้เปิดเผยล่าสุดผ่านหนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียนในวันพุธ (11) ที่ผ่านมาว่า ทางหน่วยงานความมั่นคงสหรัฐฯ NSA ได้ทำข้อตกลงลับกับหน่วยงานความมั่นคงอิสราเอล (Israeli Sigint National Unit) หรือ ISNU ในการแชร์ข้อมูลพื้นฐานทางความมั่นคงอย่างสม่ำเสมอ โดยไม่มีข้อจำกัดทางกฎหมาย ที่รวมถึงความลับส่วนบุคคลของพลเมืองสหรัฐฯ ตลอดจนบุคคลในตำแหน่ง เช่น สภาคองเกรส หรือศาล อ้างจาก 5 หน้าของบันทึกความเข้าใจ MOU ระหว่าง NSA และ ISNU
ซึ่งพบว่า การข่าวอิสราเอลได้รับข้อมูลในรูปไฟล์เสียง ทรานสคริปต์ ข้อมูลการสนทนา สำเนาขอต้นฉบับ ที่รวมไปถึงเมทาดาต้า (Metadata) โดยที่ NSA อ้างว่าได้ใช้กระบวนการ “Minimization” หรือการตัดข้อมูลการสื่อสารชาวอเมริกันเพื่อปกป้องสิทธิความเป็นส่วนตัวของชาวอเมริกัน อย่างไรก็ตามจาก MOU ได้ชี้ว่าสิ่งที่การข่าวอิสราเอลได้คือ ข้อมูลก่อนหน้าที่จะเกิดกระบวนการ “Minimization”
ซึ่งรายละเอียดของ MOU ระบุไว้ว่า NSA จะไม่กรองข้อมูลดิบล่วงหน้าและได้สั่งให้อิสราเอลทำลายเอกสารข้อมูลใดๆ “ที่ออกไปยัง...หน่วยงานสหรัฐฯ หรือมีที่มาจาก...หน่วยงานสหรัฐฯ อาทิ ทำเนียบขาว กระทรวงต่างๆ และหน่วยงานอิสระของรัฐ รวมทั้งสภาคองเกรส (ทั้งสมาชิกสภาและเจ้าหน้าที่) และระบบศาล ที่รวมถึงศาลสูง ซึ่งในข้อตกลงนั้น ทางหน่วยงานความมั่นคงสหรัฐฯได้ฝากความเชื่อมั่นไว้กับหน่วยงาน ISNU ให้ปกป้องสิทธิความเป็นส่วนตัวของชาวอเมริกัน”
อย่างไรก็ตาม ไม่เป็นที่แน่ชัดว่า ข้อมูลการสื่อสารภายในองค์กรรัฐ ที่รวมไปถึงของสมาชิกสภาคองเกรส หรือศาลรัฐบาลกลางนั้นรวมอยู่ในข้อมูลที่ทาง NSA ได้แชร์กับหน่วย ISNU หรือไม่ หรือไม่เป็นที่แน่ชัดว่า “อย่างไร” หรือ “ทำไม” ที่ทาง NSA ถึงสามารถมีข้อมูลการสื่อสารขององค์กรในรัฐบาลสหรัฐฯพวกนั้นได้ อย่างไรก็ตาม ในปี 2009 พบว่า หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ ได้เคยรายงานว่า หน่วยงาน NSA ได้พยายาม “ดักฟังสมาชิกสภาคองเกรส” โดยไม่มีหมายอนุญาตจากศาลหรืออยู่ภายใต้การควบคุม
นอกจากนี้ในเอกสารลับอีกชิ้นที่ย้อนกลับไปในปี 2008 ของ NSA พบว่า ทางหน่วยงานสืบรู้มาว่า หน่วย ISNU นั้นแอบลักลอบจารกรรมข้อมูลจาก NSA เพื่อต้องการสืบรู้จุดยืนสหรัฐฯในความขัดแย้งตะวันออกกลาง ซึ่งทางด้านเจ้าหน้าที่สหรัฐฯถึงกับออกปากพูดภายในองค์กรความมั่นคงว่า “ศัตรูที่น่ากลัวที่สุดของ NSA คือเพื่อนของสหรัฐฯ หรือหน่วยงาน ISNU นั่นเอง”
สำนักข่าวอัลจาซีราห์ ได้สอบถาม NSA ถึงข่าวการแชร์ความลับส่วนตัวของประชาชนชาวอเมริกันตามที่ข่าวเดอะการ์เดียนนำเสนอ และทางหน่วยงานตอบกลับมาทางแถลงการณ์ว่า ทางหน่วย NSA จะไม่ตอบคำถามในรายละเอียดการแลกเปลี่ยนข้อมูลความมั่นคง แต่ทาง NSA ได้ทำทุกอย่างตามขั้นตอนของกฏหมายสหรัฐฯที่ได้ระบุไว้ “จากความเป็นจริงที่หน่วยงานความมั่นคงทั้ง 2 แห่ง ได้ทำงานร่วมกันภายใต้จุดมุ่งหมายและกฎเกณฑ์เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงให้กับประเทศทั้งสอง” แถลงการณ์ของ NSA กล่าวต่อว่า “เมื่อไหร่ก็ตามที่ทางหน่วยงานได้แชร์ข้อมูล ทางหน่วยได้ทำทุกอย่างตามขั้นตอนกฎหมาย ที่รวมไปถึงการปกป้องข้อมูลของพลเมืองอเมริกัน”
และก่อนหน้านี้ ทางบีบีซีได้ตีข่าวในวันที่ 11 สิงหาคมที่ผ่านมาว่า นักข่าวเดอะการ์เดียน เกลนน์ กรีนวาล์ด ผูเสนอข่าวแฉของเอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน ที่รวมถึงข่าวการแชร์ข้อมูลกับอิสราเอล ได้ตกลงที่จะเข้าให้ข้อมูลเรื่อง “สหรัฐฯแอบจารกรรมข้อมูลของบริษัทน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในบราซิล” กับคณะกรรมาธิการการรัฐสภาบราซิลในสัปดาห์หน้า ซึ่งข่าวสหรัฐฯจารกรรมข้อมูล “เปโตรแบรส” นี้ถูกนำเสนอผ่านโทรทัศน์บราซิลในคืนวันอาทิตย์ (8) ที่ผ่านมา