รอยเตอร์ – สหรัฐฯ สั่งเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยสถานทูตในเลบานอนและตุรกี วานนี้(6) โดยมีการโยกย้ายบุคลากรบางส่วนออกจากเลบานอน และอนุญาตให้เจ้าหน้าที่บางส่วนอพยพออกจากเมืองอาดานาทางตอนใต้ของตุรกีด้วยเช่นกัน หลังจากสถานการณ์ในซีเรียไม่น่าไว้วางใจ
กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ยังเตือนให้ชาวอเมริกันเลี่ยงเดินทางไปยังเลบานอนและภาคใต้ของตุรกี ส่วนพลเมืองอเมริกันที่อาศัยอยู่ในส่วนอื่นๆ ของตุรกีให้เฝ้าระวังเหตุรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ประกาศเตือนความเสี่ยงเพียงไม่กี่วันก่อนถึงวันครบรอบ12 ปี เหตุวินาศกรรม 9/11 ในขณะที่สภาคองเกรสและนานาชาติกำลังถกเถียงอย่างหนักในเรื่องแผนโจมตีซีเรียของประธานาธิบดี บารัค โอบามา
แมรี ฮาร์ฟ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯยอมรับว่า ความตึงเครียดในตะวันออกกลางรวมถึงเรื่องซีเรียเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้รัฐบาลสหรัฐฯ ต้องออกประกาศเตือนภัยพลเมือง แต่ล่าสุดยังไม่ได้รับข่าวกรองที่แน่นอนว่าจะมีเหตุโจมตีเกิดขึ้น
“บุคลากรที่ไม่มีภารกิจจำเป็นและครอบครัวของพวกเขาถูกสั่งให้อพยพออกจากกรุงเบรุต และบางส่วนได้รับอนุญาตให้เดินทางออกจากเมืองอาดานาของตุรกีซึ่งอยู่ติดชายแดนซีเรีย ทว่าสถานทูตและสถานกงสุลทุกแห่งยังคงเปิดให้บริการตามปกติ” ฮาร์ฟ เผย
วอชิงตันระบุว่า กองทัพที่ภักดีต่อประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด แห่งซีเรียได้นำแก๊สพิษทำลายระบบประสาทออกมาใช้สังหารพลเรือนชานกรุงดามัสกัสไปกว่า 1,400 คนเมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา และ โอบามา ก็พยายามโน้มน้าวให้คองเกรสสนับสนุนการใช้ปฏิบัติการทางทหารโจมตีซีเรียอย่างจำกัด เพื่อตอบโต้เหตุสังหารหมู่ดังกล่าว
กระทรวงการต่างประเทศยังออกประกาศเตือนอีกครั้งให้ชาวอเมริกันงดเดินทางไปปากีสถานหากไม่มีธุระจำเป็น โดยเมื่อวันที่ 9 สิงหาคมที่ผ่านมาก็ได้สั่งอพยพเจ้าหน้าที่ซึ่งไม่มีภารกิจเร่งด่วนออกจากสถานกงสุลในเมืองลาฮอร์แล้ว ล่าสุดงานบริการกงสุลในเมืองดังกล่าวยังคงปิดทำการชั่วคราว
เมื่อวันพฤหัสบดี(5) หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์เนิลรายงานว่า สหรัฐฯ ได้รับข่าวกรองว่าเจ้าหน้าที่อิหร่านคนหนึ่งสั่งให้กลุ่มติดอาวุธในอิรักบุกโจมตีสำนักงานและทรัพย์สินของสหรัฐฯในกรุงแบกแดด ทันทีที่วอชิงตันออกคำสั่งโจมตีซีเรียซึ่งเป็นมิตรประเทศของอิหร่าน โดยเจ้าหน้าที่อเมริกันผู้หนึ่งชี้ว่า สถานทูตสหรัฐฯในกรุงแบกแดดน่าจะเป็นหนึ่งในเป้าหมายโจมตี
