เอเอฟพี/เอเจนซีส์ – โทนี แอบบอตต์ ผู้นำฝ่ายค้านที่มีหวังจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีออสเตรเลียคนต่อไปออกมาแก้ตัวในวันนี้ (2 ก.ย.) จากที่เขากล่าวว่า ประเด็นเรื่องซีเรียเป็นปัญหาระหว่าง “คนเลวกับพวกคนเลว” แล้วก็เลยถูกนายกรัฐมนตรีเควิน รัดด์โจมตีว่าจบการศึกษาจาก “วิทยาลัยความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจอห์น เวย์น” เพราะมองโลกแบบหนังคาวบอย
คาดหมายกันว่าแอบบอตต์จะชนะรัดด์ ผู้นำพรรคแรงงานหัวเอียงซ้าย ในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันที่ 7 กันยายนนี้ โดยผลสำรวจคะแนนความนิยมล่าสุดซึ่งนำออกเผยแพร่ในวันนี้ เผยให้เห็นว่าคะแนนของเขาแซงหน้าคู่แข่งเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี
นิวส์โพลของหนังสือพิมพ์ดิออสเตรเลียนชี้ว่า 43 เปอร์เซ็นต์ของผู้ลงคะแนนเสียงในขณะนี้เห็นว่า แอบบอตต์น่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีที่ดีกว่าเควิน รัดด์ ขณะที่พันธมิตรฝ่ายอนุรักษ์นิยมของเขาก็ได้คะแนนนำพรรคแรงงานอยู่ที่ 54 ต่อ 46 เปอร์เซ็นต์ เมื่อให้ประชาชนเลือกระหว่าง 2 ฝ่ายนี้
แต่ในเวลาที่แอบบอตต์กำลังมีแววเเข้าเส้นชัย กลับมีการตั้งคำถามในเรื่องคุณสมบัติทางด้านทูตของเขามากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่ ระหว่างคนเลวกับคนเลวต่างหาก”
รูดด์ล้อเลียนว่าแอบบอตต์ใช้ภาษาง่ายๆ เหมือนกับจบมาจาก “วิทยาลัยความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจอห์น เวย์น” ซึ่งเป็นการระบุถึงดาราดังในตำนาน ที่สร้างชื่อจนโด่งดังจากบทสิงห์ดวลปืนในภาพยนตร์คาวบอยฮอลลีวูด
“ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเป็นสิ่งที่ซับซ้อนมากกว่าหนังคาวบอยที่จอห์น เวย์นเล่นในยุค 1950” รัดด์ ผู้เป็นอดีตรัฐมนตรีการต่างประเทศและอดีตนักการทูตอาชีพกล่าว
“ผมสงสัยว่าเขาจะสามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้หรือไม่ หากต้องเข้ารับตำแหน่งสูงสุดของประเทศ”
ทางด้าน แอบบอตต์ออกมากล่าวปกป้องตัวเองว่า “ผมพยายามจะชี้ให้เห็นว่านี่เป็นสงครามกลางเมืองระหว่างกลุ่มคน 2 กลุ่ม ซึ่งต่างก็น่ารังเกียจพอกัน”
“ผมคิดว่าเรากำลังเห็นความหวั่นวิตกจนเกิดเหตุของรัฐบาลที่โอดครวญอย่างสิ้นหวัง” เขากล่าวเสริม
“เป็นเรื่องน่าสนใจที่ คนอย่างเดวิด คาเมรอน และบิล คลินตันพูดถึงคนดี และคนที่ไม่ค่อยดี ผมคิดว่าการ (ที่พวกเขา) ใช้ภาษาพูดแบบที่ปกติพวกเขาจะไม่ใช้เช่นนี้จะเป็นเรื่องเหมาะสมมากๆ ถ้าพวกคุณพยายามอธิบายให้ประชาชนรับรู้ว่าสถานการณ์จริงๆ เป็นเช่นไร”
แอบบอตต์ออกมากล่าวเช่นนี้ในเวลาที่ออสเตรเลียกำลังจะเข้าเป็นประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติตามวาระสับเปลี่ยนหมุนเวียนตำแหน่ง และประธานาธิบดีบารัค โอบามาแห่งสหรัฐฯ ก็กำลังพยายามโน้มน้าวพวกสมาชิกรัฐสภาอเมริกันที่ยังสงสัยข้องใจ ก่อนหน้าที่จะลงมติว่าพวกเขาจะสนับสนุนให้มีการใช้กำลังทหารเข้าโจมตีซีเรียดีหรือไม่