รอยเตอร์ - รัฐบาลออสเตรเลียประกาศสนับสนุนให้นานาชาติใช้กำลังทหารตอบโต้เหตุสังหารหมู่ประชาชนซีเรียด้วยอาวุธเคมี แม้จะไม่มีมติเห็นชอบจากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติก็ตาม
ออสเตรเลียจะรับหน้าที่ประธานการประชุมคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ (1) โดยจะทำหน้าที่ตัวกลางประสานให้ชาติสมาชิกลงความเห็นไปในทิศทางเดียวกัน
อย่างไรก็ดี บ็อบ คาร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศออสเตรเลีย ชี้ว่า หากพิสูจน์ได้ว่ากองทัพของประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด ใช้อาวุธเคมีสังหารประชาชนเมื่อวันพุธที่แล้ว (21) ทั่วโลกควรพร้อมใจตอบโต้การกระทำอันโหดร้ายดังกล่าว แม้คณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นจะไม่สามารถประกาศมติสนับสนุนที่เป็นเอกฉันท์ได้ก็ตาม
“ขณะนี้สหรัฐฯ และประเทศที่มีความคิดเห็นตรงกันกำลังพิจารณาถึงแนวทางตอบโต้ซีเรีย” คาร์ ให้สัมภาษณ์สื่อท้องถิ่นวันนี้ (28)
“ทางเลือกที่เราและทุกๆฝ่ายสนับสนุนก็คือ ใช้มาตรการตอบโต้ภายใต้คำสั่งของยูเอ็น แต่หากเป็นเช่นนั้นไม่ได้ การกระทำที่โหดร้ายของรัฐบาลซึ่งนำอาวุธเคมีออกมาเข่นฆ่าประชาชน หรือการใช้อาวุธเคมีไม่ว่าจะในสถานการณ์ใดๆก็ตาม ถือเป็นเหตุอันสมควรให้นานาชาติตอบโต้ได้”
สหรัฐฯ และชาติพันธมิตรต่างเตรียมพร้อมส่งทหารเข้าจัดการกับรัฐบาลอัสซาด ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า และจะเป็นการตอบโต้จากโลกตะวันตกที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่สงครามกลางเมืองซีเรียปะทุเมื่อเดือนมีนาคม ปี 2011
คาร์ชี้ว่า ภารกิจสำคัญที่สุดของผู้แทนออสเตรเลียคือการโน้มน้าวให้จีนและรัสเซียซึ่งเป็นสมาชิกถาวรในคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็น ยอมโหวตสนับสนุนมติลงโทษซีเรีย
“เราไม่ควรประณามจีนและรัสเซียในเรื่องนี้ แต่ต้องทำให้พวกเขายอมร่วมมือ พิจารณาหลักฐาน และทบทวนทัศนคติที่พวกเขามีต่ออัสซาด ตลอดจนสิ่งที่ประชาคมโลกควรกระทำเมื่อเกิดการทำลายล้างชีวิตมนุษย์ด้วยอาวุธซึ่งอาจจะนำไปสู่การสังหารหมู่อย่างน่าสะพรึงกลัว”
คาร์ชี้ด้วยว่า วิกฤตการณ์ซีเรียทำให้ทุกฝ่ายได้เห็นถึงปัญหายุ่งยากจากการใช้สิทธิ์ “วีโต” โดยสมาชิกถาวรในคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็น ซึ่งถือว่าเป็น “ช่องโหว่” ในกระบวนการปกครองระหว่างประเทศ