เอพี – เนลสัน แมนเดลาออกจากโรงพยาบาลแล้ววันนี้ (1 ก.ย.) ขณะที่อาการของเขายังคงอยู่ในขั้นวิกฤต และเขาเดินทางด้วยรถพยาบาลมายังบ้านของเขาในเมืองโยฮันเนสเบิร์ก ซึ่งได้รับการปรับปรุงให้มีสภาพพร้อมสำหรับการรักษาพยาบาลผู้ป่วยหนัก ทำเนียบประธานาธิบดีแอฟริกาใต้ระบุ
ในเช้าที่สดใสแต่อากาศเย็น รถพยาบาลคันหนึ่งได้พาผู้นำต่อต้านการเหยียดสีผิวผู้นี้มาจากโรงพยาบาลในกรุงพริทอเรีย สถานที่ซึ่งเขาเข้ารับการรักษาพยาบาลตั้งแต่วันที่ 8 มิถุนายน เนื่องจากรัฐบาลระบุว่าเขามีอาการติดเชื้อที่ปอด
ประธานาธิบดีจาคอบ ซูมา แถลงวันนี้ (1) ว่าอาการของแมนเดลา “อยู่ในช่วงที่ไม่แน่ไม่นอน”
“บ้านของเขาได้รับการปรับปรุงใหม่เพื่อให้เขาได้รับการรักษาพยาบาลแบบการดูแลผู้ป่วยหนักที่นั่น” คำแถลงระบุ “บุคลากรทางการแพทย์ที่ให้การดูแลเขาที่บ้านคือชุดเดียวกับที่โรงพยาบาล ถ้าในอนาคต เขาแสดงอาการที่ต้องนำตัวส่งโรงพยาบาล ก็จะดำเนินการเช่นนั้น"
ทั้วทั้งแอฟริกาใต้และทั่วโลกมีผู้คนจำนวนมากที่ห่วงใยแมนเดลา ผู้มีอายุครบ 95 ปีเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นแกนนำในการเปลี่ยนแปลงแอฟริกาใต้จากอำนาจปกครองในมือคนขาวมาเป็นระบอบประชาธิปไตยเมื่อสองทศวรรษที่แล้ว โดยยึดถือจิตวิญญาณแห่งการปรองดอง
ซูมาออกมากระตุ้นให้ชาวแอฟริกาใต้ยอมรับว่า แมนเดลามีอายุมากแล้ว อีกทั้งสุขภาพก็อ่อนแอ โดยระบุว่าสิ่งที่พวกเขาทำได้ก็คือสวดภาวนาให้ผู้นำซึ่งเป็นที่รักใคร่ผู้นี้ เหล่าผู้ปรารถนาดีได้พากันส่งช่อดอกไม้และข้อความให้กำลังใจไปที่โรงพยาบาลซึ่งเขาเข้ารับการรักษา ตลอดจนจัดการชุมนุมภาวนาให้อดีตผู้นำทั่วประเทศ อย่างไรก็ตามรัฐบาลแทบจะไม่เผยข้อมูลอาการป่วยของเขาเลย โดยอ้างว่าเป็นความลับที่ควรทราบกันภายในครอบครัวเท่านั้น
แมนเดลา ผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพได้รับการยกย่องจากคนทั่วโลกในฐานะบุคคลซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความปรองดอง แม้ว่าเขาจะถูกจำคุกถึง 27 ปี เนื่องจากแสดงบทบาทสำคัญในการต่อต้านระบอบการปกครองของคนขาว แต่ดูเหมือนว่าแมนเดลาจะไม่รู้สึกเคืองแค้นพยาบาทเมื่อได้รับการปล่อยตัวในปี 1990 จึงทำให้เขากลายเป็นผู้นำที่ทำให้ประชาชนมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ผู้ที่พาแอฟริกาใต้ข้ามผ่านช่วงเวลาของการเปลี่ยนผ่านอันละเอียดอ่อน ไปสู่การเลือกตั้งแบบไม่แบ่งแยกเชื้อชาติ ที่ผลักดันให้เขาได้รับตำแหน่งประธานาธิบดีในอีกสี่ปีต่อมา
องค์การสหประชาชาติได้กำหนดให้วันครบรอบวันเกิดของแมนเดลาเป็นวันสำคัญของโลก เพื่อรำลึกถึงความสำเร็จทางการเมือง ประชาธิปไตย และความรับผิดชอบ ซึ่งอดีตผู้นำคนนี้ได้ทำให้ปรากฏต่อสายตาสาธารณะมาแล้ว