เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-รัฐบาลซีเรียยินยอมในวันอาทิตย์ (25) ให้คณะผู้ตรวจสอบจากองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) สามารถเดินทางเข้าไปยังพื้นที่ต้องสงสัยว่ามีการโจมตีด้วยอาวุธเคมีในกรุงดามัสกัสเมื่อหลายวันก่อนแล้ว ขณะที่รัฐบาลรัสเซียออกโรงเตือนโลกตะวันตกจะต้องเผชิญ “ความผิดพลาดอันน่าเศร้า” หากคิดใช้ปฏิบัติการทางทหารต่อซีเรีย
การตัดสินใจล่าสุดของรัฐบาลประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาด มีขึ้นหลังจากรัฐบาลซีเรียเผชิญแรงกดดันอย่างหนักจากนานาชาติ เนื่องจากทีมตรวจสอบอาวุธยูเอ็นที่นำโดยอาเก เซลล์สตรอม ผู้เชี่ยวชาญชาวสวีดิช ยังคงถูกกีดกันไม่ให้เดินทางลงพื้นที่ต้องสงสัย เพื่อเริ่มการตรวจสอบและหาหลักฐานการใช้อาวุธเคมี ทั้งๆที่เดินทางถึงซีเรียมานานกว่าสัปดาห์แล้ว อี กทั้งที่พักของเหล่าเจ้าหน้าที่ยูเอ็นยังอยู่ห่างจากพื้นที่ต้องสงสัยเพียงไม่กี่กิโลเมตร
แองเจลา เคน ข้าหลวงใหญ่ด้านการปลดอาวุธของยูเอ็นแถลงที่กรุงดามัสกัสของซีเรียในวันอาทิตย์ (25) โดยยืนยันว่า ได้บรรลุข้อตกลงกับรัฐบาลซีเรียแล้วเกี่ยวกับการอนุญาตให้ทีมผู้เชี่ยวชาญสามารถ เดินทางเข้าไปยังพื้นที่ต้องสงสัยแถบชานกรุงดามัสกัสได้ทันทีนับตั้งแต่วันจันทร์ (26)
การยอมเปิดไฟเขียวของรัฐบาลซีเรียครั้งนี้มีขึ้นในจังหวะเวลาเดียวกับที่รัฐบาลสหรัฐฯ และพันธมิตรกำลังตกเป็นข่าวมีเตรียมวางแผนใช้ปฏิบัติการทางทหารโจมตีรัฐบาลซีเรีย โดยใช้ข้ออ้างว่ารัฐบาลดามัสกัสใช้อาวุธเคมีเข่นฆ่าประชาชนของตัวเองและละเมิดกติการะหว่างประเทศ
อย่างไรก็ดี รัฐบาลรัสเซียซึ่งเป็น “มหามิตร” ของระบอบอัสซาดออกโรงเตือนสหรัฐฯและชาติตะวันตกจะต้องเผชิญกับ “ความผิดพลาดที่น่าเศร้า” หากคิดใช้กำลังจัดการกับรัฐบาลซีเรีย
“เราขอเตือนผู้ใดก็ตามที่กำลังพยายามบิดเบือนผลการตรวจสอบของผู้เชี่ยวชาญสหประชาชาติ เพื่อใช้เป็นข้ออ้างในการใช้ปฏิบัติการทางทหารต่อซีเรีย เราขอย้ำว่าการใช้กำลังของชาติตะวันตกต่อรัฐบาลซีเรียจะเป็นความผิดพลาดที่น่าเศร้า” อเล็กซานเดอร์ ลูคาเชวิช โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย แถลงที่กรุงมอสโก ในนามรัฐบาลรัสเซีย
ในอีกด้านหนึ่ง ราล์ฟ แทร็ปป์ ผู้เชี่ยวชาญอิสระด้านการควบคุมอาวุธเคมีและอาวุธชีวภาพ ออกโรงเตือนรัฐบาลสหรัฐฯและชาติพันธมิตรว่าอย่าเพิ่ง “ด่วนตัดสิน” ว่ามีการใช้อาวุธเคมีในซีเรีย เพียงเพราะอาศัยหลักฐานจากภาพถ่ายและคลิปวิดีโอที่ถูกเผยแพร่ออกมา เนื่องจากในความเป็นจริงแล้ว การตรวจสอบอาวุธเคมีจำเป็นต้องมีการเก็บข้อมูลในพื้นที่จริงเสียก่อน และต้องมีการเก็บหลักฐานอย่างละเอียดจากร่างผู้เสียชีวิต ผู้ป่วย ตลอดจนต้องรวบรวมข้อมูลจากทีมแพทย์ในพื้นที่
“ผมขอยืนยันว่า เราจะไม่มีทางยืนยันได้เลยว่ามีการใช้อาวุธเคมี โดยอาศัยเพียงภาพถ่ายและคลิปวิดีโอ” แทร็ปป์กล่าว