เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-สถานีโทรทัศน์ของรัฐบาลซีเรียรายงานในวันเสาร์ (24) โดยระบุว่า กองทัพตรวจพบหัวเชื้ออาวุธเคมีจำนวนมากถูกซุกซ่อนอยู่ในอุโมงค์ของนักรบฝ่ายกบฏในเขตโญบาร์ย่านชานกรุงดามัสกัส ทั้งยังระบุด้วยว่ามีทหารบางนายได้รับแก๊สพิษจนหายใจไม่ออก ถือเป็นรายงานข่าวล่าสุดที่บ่งชี้ว่า เหตุโจมตีด้วยอาวุธเคมีที่มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากจนเป็นข่าวสะเทือนขวัญไปทั่วโลกในสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น มิใช่ฝีมือของฝ่ายรัฐบาลซีเรีย
ข่าวการตรวจพบหัวเชื้ออาวุธเคมีซุกซ่อนอยู่ในอุโมงค์ที่อยู่ในความควบคุมของนักรบฝ่ายกบฏ ในเขตโญบาร์ในวันเสาร์ (24) ตอกย้ำท่าทีของฝ่ายรัฐบาลซีเรียที่ยืนกรานมาโดยตลอดในช่วงก่อนหน้านี้ว่า รัฐบาลซีเรียจะไม่มีวันใช้อาวุธเคมีในครอบครองกับพลเมืองของตัวเอง
“เหล่าวีรบุรุษในกองทัพของเราได้เข้าไปในอุโมงค์ของพวกผู้ก่อการร้ายและตรวจพบหัวเชื้ออาวุธเคมี และมีทหารของเราบางคนได้รับแก๊สพิษขณะเข้าไปยังเขตโญบาร์” เนื้อหาตอนหนึ่งในรายงานของสถานีโทรทัศน์ของรัฐบาลระบุพร้อมยืนยันว่า ทางกองทัพกำลังเตรียมเปิดการจู่โจมครั้งใหญ่ต่อพื้นที่ย่านชานกรุงดามัสกัสที่อยู่ภายใต้การยึดครองของฝ่ายกบฏ
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาดได้ตั้งข้อสังเกตว่า เหตุโจมตีเมื่อวันพุธ (21) และวันพฤหัสบดี (22) ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากนั้น แท้จริงแล้วอาจเป็นฝีมือของฝ่ายกบฏที่ได้รับการหนุนหลังจากต่างชาติและจุดประสงค์ที่แท้จริงของการโจมตีอาจเป็นความพยายามของฝ่ายกบฏที่จะเปิดทางให้มี “การแทรกแซงของต่างชาติ” ในซีเรียโดยเร็ว
ขณะที่ข้อมูลจากบรรดานักเคลื่อนไหวฝ่ายต่อต้านรัฐบาลต่างอ้างว่า การโจมตีดังกล่าวที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตระหว่าง 500-1,300 คนนั้นเป็นฝีมือของรัฐบาลอัสซาด พร้อมเรียกร้องให้นานาชาติเร่งหาทางยุติความรุนแรงที่ก่อโดยฝ่ายรัฐบาล
ด้านแองเจลา เคน ข้าหลวงใหญ่ด้านกิจการการปลดอาวุธของสหประชาชาติได้เดินทางถึงกรุงดามัสกัสของซีเรียแล้วในวันเสาร์ (24) เพื่อเตรียมกดดันรัฐบาลประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาด ให้ยอมเปิดไฟเขียวแก่ทีมตรวจสอบของยูเอ็นในการเข้าไปปฏิบัติภารกิจในย่านชานกรุงดามัสกัสเพื่อหาคำตอบเกี่ยวกับการโจมตีด้วยอาวุธเคมีที่เกิดขึ้น ขณะที่รัฐบาลรัสเซียที่เป็น “มหามิตร”ของระบอบอัสซาดก็ได้ออกคำแถลงเรียกร้องให้รัฐบาลซีเรียให้ความร่วมมือกับสหประชาชาติเช่นกัน