เอเอฟพี - รัฐมนตรีต่างประเทศสหภาพยุโรปเห็นพ้องจำกัดขายอาวุธและยุทโธปกรณ์ด้านความมั่นคงแก่อียิปต์ จากการเปิดเผยของนางแคทเธอรีน แอชตัน ประธานนโยบายต่างประเทศของอียูเมื่อวันพุธ(21) ตามหลังเหตุปราบปรามนองเลือดของรัฐบาลไคไรที่คร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 1,000 ศพ
ประธานนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรปรายนี้ยังบอกด้วยว่าที่ประชุมฉุกเฉินของ 28 ชาติสมาชิก เพื่อตอบสนองต่อเหตุความรุนแรงในอียิปต์ ยังเห็นพ้องทบทวนความช่วยเหลือแก่ไคโรด้วย "เราขอประณามทุกพฤติกรรมความรุนแรงและเราเชื่อว่าการกระทำเมื่อเร็วๆนี้ของทหารเป็นการใช้กำลังเกินขอบเขต" แอชตัน แถลงกับผู้สื่อข่าวหลังการประชุมลับระหว่างเหล่ารัฐมนตรีต่างประเทศที่ใช้เวลานานถึง 4 ชั่วโมง
เธอบอกด้วยว่าสหภาพยุโรปขอเรียกร้องทุกฝ่ายระงับการใช้ความรุนแรงและวิงวอนทุกภาคส่วนหันหน้าเข้าหากันร่วมในกระบวนการหาทางคลี่คลายปัญหาทางการเมืองเพื่อยุติวิกฤตของประเทศ "เราจะประเมินความช่วยเหลือที่มีแก่อียิปต์ แต่ความช่วยเหลือที่จำเป็นส่วนใหญ่จะยังคงอยู่ ทุกชาติสมาชิกรู้สึกอย่างแรงกล้าว่าพวกเขาต้องการสนับสนุนประชาชนชาวอียิปต์ต่อไป"
ที่ประชุมของเหล่ารัฐมนตรีต่างประเทศสหภาพยุโรป มีมติเห็นพ้องระงับใบอนุญาตส่งออกยุทโธปกรณ์ใดๆที่อาจถูกนำไปใช้ในปฏิบัติการปราบปรามภายในอียิปต์ รวมทั้งจะทบทวนใบอนุญาตการส่งออกอาวุธและทบทวนความช่วยเหลือด้านความมั่นคงแก่อียิปต์ด้วย อย่างไรก็ตามยังไม่ถึงขั้นต้องตัดลดโครงการช่วยเหลือต่างๆต่อไคโร
อียิปต์ต้องเผชิญสัปดาห์แห่งการนองเลือดทางการเมืองอย่างไม่คาดฝัน โดยเริ่มต้นจากกองกำลังด้านความมั่นคงบุกเข้าสลายค่ายปักหลักชุมนุมของผู้ประท้วงฝ่ายสนับสนุนอดีตประธานาธิบดี โมฮัมเหม็ด มอร์ซี 2 แห่งในกรุงไคโรในวันพุธที่ 14 สิงหาคม จนกลายเป็นเหตุนองเลือดครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ ด้วยมีผู้เสียชีวิตมากเกือบ 600 ศพในวันเดียว เรียกเสียงประณามจากประชาคมนานาชาติ อย่างไรก็ตามรัฐบาลอียิปต์ดูจะไม่แยแสจากเสียงคร่ำครวญเหล่านั้น โดยบอกว่าพวกเขากำลังเผชิญหน้ากับแผนก่อการร้าย
จากนั้นเพียง 2 วัน ก็เกิดเหตุปะทะนองเลือดระหว่างกองกำลังความมั่นคงกับกลุ่มผู้สนับสนุนนายมอร์ซี ที่ออกมาชุมนุมท้าทายเคอร์ฟิวอีก คราวนี้ก็มีผู้เสียชีวิตอีกหลายร้อยคน ส่งผลให้ยอดรวมจากเหตุความไม่สงบที่ลุกลามไปทั่วประเทศในรอบสัปดาห์ที่แล้ว พุ่งสูงเกือบ 1,000 ศพ
