เอเอฟพี - อุปสงค์ทองคำโลกร่วงลงแตะระดับต่ำสุดรอบ 4 ปีในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา แม้มีความต้องการพุ่งสูงจากทั้งอินเดียและจีน เป็นเหตุให้ราคาโลหะมีค่าชนิดนี้ถูกลงเรื่อยๆ สภาทองโลกระบุเมื่อวันพฤหัสบดี (15)
รายงานของสภาทองโลก (ดับเบิลยูจีซี) ระบุว่าอุปสงค์ทองคำโลก ระหว่างเดือนเมษายนถึงมิถุนายนปีนี้ ลดลงร้อยละ 12 จาก 974.3 ตันของช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เหลือ 856.3 ตัน เหตุนักลงทุนหนีจากกองทุนทองคำและธนาคารกลางกลางชาติต่างๆ ลดปริมาณการเข้าซื้อ โดยหากคิดในด้านมูลค่าแล้ว อุปสงค์ทองคำโลกช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ ดิ่งลงถึงร้อยละ 23 อยู่ที่ 39,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น
ในส่วนของธนาคารกลางชาติต่างๆ ทั่วโลกนั้น มีการเข้าซื้อน้อยลงอย่างมาก โดยลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนถึง 71.1 ตัน หรือร้อยละ 57 ซึ่งปัจจัยต่างๆ ข้างต้นส่งผลให้จนถึงเดือนมิถุนายน ราคาทองคำปรับลดลงจากช่วงต้นปีมาแล้วราว 1 ใน 5
อุปสงค์ทองคำโลกดิ่งลง แม้ว่าในอินเดียและจีน สองชาติผู้บริโภคทองคำรายใหญ่ของโลก จะพบเห็นอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ท่ามกลางราคาทองคำโลกที่ปรับลดลงเรื่อยๆ จากความกังวลว่าสหรัฐฯอาจลดระดับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเร็วๆ นี้ หลังพบสัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
ในอินเดีย ชาติผู้ซื้อรายใหญ่ของโลก พบอุปสงค์เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 71 เป็น 310 ตัน สูงสุดในรอบทศวรรษ ส่วนอุปสงค์ทองคำในจีนก็ทะยานถึงร้อยละ 87 เป็น 257.5 ตัน หลังจากทองคำมีราคาถูกลง
สภาทองคำโลกบอกว่า อินเดียและจีนมีอุปสงค์การใช้เครื่องประดับทองคำรวมกันคิดเป็นร้อยละ 60 ของโลก โดยเฉพาะชาวอินเดียที่ยังซื้อทองเพิ่มขึ้น แม้ว่าทางรัฐบาลของพวกเขาขึ้นภาษีนำเข้าทองคำไปแล้ว 3 รอบในปีนี้ ในความพยายามลดตัวเลขขาดดุลการค้าและคืนเสถียรภาพแก่สกุลเงินรูปี ที่อ่อนค่าลงอย่างหนัก