เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ประกาศในวันอังคาร (13) กำหนดอัตราเรียกเก็บภาษีกุ้งจาก 4 ชาติในเอเชีย รวมถึงเอกวาดอร์จากอเมริกาใต้ ทั้งนี้เพื่อเป็นการตอบโต้การอุดหนุนอุตสาหกรรมกุ้งจากรัฐบาลของทั้ง 5 ประเทศ แต่ยกเว้นกุ้งจากไทยและอินโดนีเซีย
คำแถลงของนางเพนนี ซู พริตซ์เกอร์ รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ ซึ่งมีการเผยแพร่จากที่ทำการของกระทรวงฯในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.ระบุว่า ไทยและอินโดนีเซีย สองประเทศผู้ส่งออกกุ้งรายใหญ่ของโลกจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไม่เข้าข่ายที่จะต้องถูกลงโทษ เนื่องจากรัฐบาลไทยภายใต้การนำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และรัฐบาลประธานาธิบดีซูซิโล บัมบัง ยุโธโยโนแห่งอินโดนีเซีย มิได้ทำการอุดหนุนบรรดาผู้ส่งออกกุ้งในประเทศของตนอย่างขนานใหญ่ และยังคงแสดงออกซึ่งเจตนาในการเคารพกฏระเบียบด้านการค้าระหว่างประเทศ ทำให้สหรัฐฯ ไม่เห็นถึงความจำเป็นที่ต้องดำเนินมาตรการลงโทษไทยและอินโดนีเซีย
อย่างไรก็ดี 4 ประเทศในเอเชียที่สหรัฐฯ ประกาศลงโทษ เพราะพบหลักฐานการอุดหนุนของภาครัฐฯต่ออุตสาหกรรมส่งออกกุ้งอย่างขนานใหญ่ประกอบด้วยสาธารณรัฐประชาชนจีน อินเดีย เวียดนาม และมาเลเซีย ซึ่งกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯประกาศจะเรียกเก็บภาษีจากกุ้งของจีนที่ร้อยละ 18.16, กุ้งจากอินเดียที่ร้อยละ 5.54-6.16, เวียดนามร้อยละ 7.88
ขณะที่กุ้งที่มีที่มาจากมาเลเซียจะถูกลงโทษด้วยอัตราภาษีสุดโหดตั้งแต่ร้อยละ 10.8 จนถึงร้อยละ 54.5 เนื่องจากพบการอุดหนุนอย่างขนานใหญ่ของรัฐบาลกัวลาลัมเปอร์ต่อผู้ส่งออกกุ้งแดนเสือเหลือง
ขณะที่เอกวาดอร์ ผู้ส่งออกกุ้งรายใหญ่จากอเมริกาใต้ ซึ่งถูกกล่าวหาว่ามีพฤติกรรมเข้าข่าย “ทุ่มตลาด” มานานหลายปีจะถูกสหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีกุ้งที่ร้อยละ 10.13-13.51
ทั้งนี้ อัตราภาษีลงโทษดังกล่าวจะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมาธิการการค้าระหว่างประเทศสหรัฐฯ ในเดือนกันยายนนี้ก่อน จึงจะมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ ขณะที่กลุ่มผู้ส่งออกกุ้งในสหรัฐฯ ต่างแสดงความยินดีต่อการตัดสินใจของรัฐบาลอเมริกันในครั้งนี้
