เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-เศรษฐกิจอินโดนีเซียเติบโตในอัตราที่ช้าที่สุดในรอบเกือบ 3 ปีในช่วงไตรมาสที่ 2 ที่ผ่านมา ถือเป็นไตรมาสที่ 4 ติดต่อกันแล้วที่อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจแดนอิเหนาไม่เป็นไปตามเป้าหมาย
รายงานซึ่งอ้างข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติระบุว่า อัตราการเติบโตของจีดีพีช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายนที่ผ่านมาของอินโดนีเซียอยู่ที่ร้อยละ 5.81 ซึ่งเป็นระดับการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ต่ำที่สุดของประเทศนับตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3 ของปี 2010 เป็นต้นมา และต่ำกว่าการคาดการณ์ของบรรดานักเศรษฐศาสตร์ที่ประเมินว่า เศรษฐกิจของประเทศมุสลิมที่ใหญ่ที่สุดในโลกแห่งนี้จะมีการเติบโตที่ร้อยละ 5.95 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยสาเหตุสำคัญที่ทำให้การเติบโตของอินโดนีเซียไม่เป็นไปตามเป้าเป็นเพราะรายได้จากการส่งออกที่ลดลงอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในตลาดสำคัญ
ตัวเลขการเติบโตของจีดีพีแดนอิเหนาที่ต่ำกว่าเป้า ถือเป็นข่าวร้ายซ้ำเติมรัฐบาลภายใต้การนำของประธานาธิบดีซูซิโล บัมบัง ยุโธโยโน ต่อจากข่าวการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อของประเทศที่ล่าสุดพุ่งสูงแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 ปีครึ่ง
ขณะที่ค่าเงินรูเปียห์ของอินโดนีเซียปรับร่วงลงมาแล้วถึงร้อยละ 6.3 ในปีนี้ จนส่งผลให้เงินรูเปียห์กลายเป็นสกุลเงินของกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเฟื่องฟูใหม่ในเอเชีย ที่เสื่อมค่าลงมากที่สุดรองจาก เงินสกุลรูปีของอินเดีย
ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ เศรษฐกิจอินโดนีเซียซึ่งได้ชื่อว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีการเติบโตที่ร้อยละ 6.02 ขณะที่รัฐบาลจาการ์ตาตั้งเป้าว่าตลอดทั้งปีนี้เศรษฐกิจของประเทศจะต้องเติบโตที่ร้อยละ 6.3 แม้ทางธนาคารกลางแดนอิเหนาจะออกมาแถลงเมื่อเดือนที่แล้วว่า เศรษฐกิจของประเทศในปีนี้อาจเติบโตแค่เพียงร้อยละ 5.8-6.2 เท่านั้น จากเดิมที่คาดว่า การเติบโตอาจสูงถึงร้อยละ 6.2-6.6
