เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ – รัฐบาลอินโดนีเซีย ภายใต้การนำของประธานาธิบดีซูซิโล บัมบัง ยุโธโยโน ตั้งเป้า เศรษฐกิจแดนอิเหนาในปีนี้อาจเติบโตได้ถึง 5.9 เปอร์เซ็นต์ ผ่านกลไกสำคัญคือการใช้จ่ายภาคครัวเรือนของประชาชนในประเทศเกือบ 240 ล้านคน หวังฉุดรั้งเศรษฐกิจของอินโดนีเซียออกจากภาวะชะลอตัว ที่กำลังส่งผลกระทบต่อบรรดาประเทศในกลุ่มเศรษฐกิจเฟื่องฟูใหม่
ผู้นำอินโดนีเซียวัย 64 ปีซึ่งครองอำนาจมาตั้งแต่ปี 2004 เผยที่กรุงจาการ์ตาโดยยืนยัน รัฐบาลของเขาจะเร่งสนับสนุนมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศต่อไป โดยระบุ ในเวลานี้มีเพียง “กำลังซื้อ” จากภายในประเทศเท่านั้นที่จะช่วยฉุดรั้งเศรษฐกิจอินโดนีเซียพ้นจากการชะลอตัวได้ หลังจากที่รายได้จากการส่งออก และการลงทุนจากต่างประเทศต่างปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา
ด้านแหล่งข่าวในรัฐบาลแดนอิเหนาเผยว่า ประธานาธิบดียุโธโยโนยังคงคาดหวังว่า เศรษฐกิจของประเทศเมื่อสิ้นปีนี้จะมีการเติบโตได้ราว 5.7 – 5.9 เปอร์เซ็นต์ แม้ก่อนหน้านี้ทางธนาคารโลก (World Bank) จะคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจของอินโดนีเซียซึ่งเป็นประเทศมุสลิมที่ใหญ่ที่สุดในโลกอาจขยายตัวได้เพียง 5.6 เปอร์เซ็นต์ในปีนี้ และ 5.3 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นในปีหน้า
ทั้งนี้ อินโดนีเซียเป็นหนึ่งในประเทศกลุ่มเศรษฐกิจเฟื่องฟูใหม่ที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจเลวร้ายที่สุดจากผลพวงของเศรษฐกิจโลกที่อยู่ในช่วงชะลอตัวจากวิกฤตหนี้สินในยุโรป และเมฆหมอกแห่งความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจในสหรัฐฯ
