เอเอฟพี - วอลล์สตรีทวานนี้ (8) ปิดบวกเป็นครั้งแรกในรอบ 3 วัน ตามข้อมูลการค้าที่แข็งแกร่งของจีนและแนวโน้มทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้นจากฝั่งยุโรป ทว่าปัจจัยนี้ผยุงราคาน้ำมันไม่ไหว ขยับลง 5 วันติด ส่วนทองคำพุ่งขึ้นแรง หลังดอลลาร์อ่อนค่าลงอย่างหนัก
ดัชนีดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 26.34 จุด (0.17 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 15,497.01 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 6.45 จุด (0.38 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,697.36 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 15.12 จุด (0.41 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,669.12 จุด
ความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นสหรัฐฯ วานนี้ (8) เป็นผลมาจากตัวเลขการค้าของจีนประจำเดือนกรกฎาคม ที่เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนถึงร้อยละ 5.1 เป็น 186,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ยอดนำเข้าก็สูงขึ้นร้อยละ 10.9 เป็น 168,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เผยให้เห็นความเข็มแข็งบางอย่างในเศรษฐกิจของจีน
ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์มองว่าวอลล์สตรีทยังได้แรงหนุนจากความเห็นของนายมาริโอ ดรากิ ประธานธนาคารกลางยุโรป ที่ระบุว่าเศรษฐกิจยุโรปมีท่าทีมั่นคงขึ้น ขณะที่ตัวเลขการค้าล่าสุดของเยอรมนี ก็เผยให้เห็นยอดส่งออกที่สูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดพลังงาน โดยราคาน้ำมันวานนี้ (8) ปิดลบ 5 วันติด จากการขายทำกำไรหลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทะยานขึ้นไปแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนกันยายน ลดลง 97 เซ็นต์ ปิดที่ 103.40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 76 เซ็นต์ ปิดที่ 106.68 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ทีโมที อีแวนส์ นักวิเคราะห์จากซิตี ฟิวเจอร์ มองว่าทิศทางของตลาดน้ำมันเป็นไปตามที่คาดหมายไว้ “หลังจากเพิกเฉยต่อข่าวร้ายและขานรับต่อแรงช้อนซื้อมาหลายสัปดาห์ ตลาดน้ำมันดิบก็เริ่มอ่อนตัวลง แม้จะมีปัจจัยสนับสนุนพื้นฐานทั้งข่าวตัวเลขนำเข้าของจีน รวมถึงเหตุประท้วงที่จำกัดการผลิตในลิเบียก็ตาม”
ด้านราคาทองคำวานนี้ (8) พุ่งขึ้นแรง หลังดอลลาร์อ่อนค่าลงต่ำสุดในรอบ 7 สัปดาห์เมื่อเทียบกับระบบตะกร้าเงิน โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 24.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,309.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์
