รอยเตอร์ - โบอิ้ง ผู้ผลิตอากาศยานยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ แนะนำให้สายการบินทั่วโลกตรวจสอบอุปกรณ์ส่งสัญญาณฉุกเฉินที่ผลิตโดยบริษัทฮันนีเวลล์บนโบอิ้งทุกรุ่น หลังคาดว่าจะเป็นต้นตอของเพลิงไหม้บนโบอิ้ง 787 ดรีมไลเนอร์ของสายการบินเอธิโอเปียแอร์ไลน์ส เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน
อุปกรณ์ส่งสัญญาณฉุกเฉิน (อีแอลที) ตัวนี้ถูกติดตั้งอยู่บนเครื่องบินโบอิ้งหลายรุ่น รวมจำนวนประมาณ 1,200 ลำ แต่ทางบริษัทแนะนำให้ทุกสายการบินตรวจสอบอย่างทั่วถึงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และรายงานผลกลับมายังโบอิ้งภายใน 10 วัน เพื่อส่งให้ผู้ตรวจสอบการบินใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาว่าควรมีมาตรการอย่างไรต่อไป
“โบอิ้ง ขอให้ทุกสายการบินที่ใช้เครื่องบินรุ่น 717, Next Generation 737, 747-400, 767 และ 777 ตรวจสอบสภาพการทำงานของอุปกรณ์อีแอลที” โฆษกโบอิ้งระบุในถ้อยแถลงทางอีเมล เมื่อวานนี้(28)
“การตรวจสอบครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อรวบรวมข้อมูลให้กับสำนักงานผู้ตรวจสอบการบิน”
ประกาศล่าสุดของโบอิ้งมีขึ้น หลังจากที่ โบอิ้ง 787 ดรีมไลเนอร์ ของสายการบินเอธิโอเปียแอร์ไลน์ส เกิดไฟลุกไหม้ขณะจอดอยู่ที่สนามบินลอนดอนฮีทโธรว์ เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งผู้ตรวจสอบอุบัติภัยทางอากาศในอังกฤษพบว่าต้นเพลิงน่าจะมาจากช่องใส่อุปกรณ์อีแอลที และแนะนำให้สายการบินทั่วโลกตรวจสอบอุปกรณ์ซึ่งใช้พลังงานจากแบตเตอรีลิเธียมตัวนี้
วันพฤหัสบดีที่แล้ว(25) สำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐฯ (เอฟเอเอ) มีคำสั่งให้ทุกสายการบินที่ใช้โบอิ้ง 787 ดรีมไลเนอร์ ถอดหรือตรวจสอบอุปกรณ์อีแอลทีของฮันนีเวลล์ แต่ยังไม่ได้ขยายคำสั่งให้ครอบคลุมถึงเครื่องบินรุ่นอื่นๆด้วย
อุปกรณ์อีแอลทีถูกออกแบบมาเพื่อช่วยระบุตำแหน่งของเครื่องบิน ในกรณีที่เครื่องประสบอุบัติเหตุตก