รอยเตอร์- เจ้าหน้าที่ความมั่นคงอียิปต์กราดยิงใส่กลุ่มผู้สนับสนุนอดีตประธานาธิบดี โมฮัมเหม็ด มอร์ซี เสียชีวิตไปอย่างน้อย 70 รายเมื่อเช้ามืด วันนี้(27) หลังจากที่ พล.อ.อับเดล ฟัตตะห์ อัล-ซีซี ผู้บัญชาการกองทัพได้ออกมาเรียกร้องไม่กี่วันก่อนให้ประชาชนลุกขึ้นต่อสู้ “การใช้ความรุนแรงและก่อการร้าย”
ญิฮาด อัล-ฮัดดาด โฆษกภราดรภาพมุสลิม ระบุว่า เหตุกราดยิงครั้งนี้เกิดขึ้นก่อนเวลาละหมาดเช้าในบริเวณที่ประชาชนมานั่งปักหลักชุมนุมต่อต้านการรัฐประหารโค่นอำนาจ มอร์ซี
“พวกเขาไม่ได้ยิงเพื่อทำให้บาดเจ็บ แต่ต้องการฆ่าให้ตาย” ฮัดดาด กล่าว พร้อมเตือนว่ายอดผู้เสียชีวิตอาจจะสูงขึ้นกว่านี้
นักเคลื่อนไหวหลายคนช่วยกันหามร่างผู้บาดเจ็บใส่เปลไปยังศูนย์พยาบาลเคลื่อนที่ ขณะที่วัยรุ่นชายคนหนึ่งถูกวางไว้ที่พื้น โดยมีร่องรอยคมกระสุนอยู่ที่ศีรษะ
สถานีโทรทัศน์อัลญาซีเราะห์รายงานว่า มีผู้ถูกยิงเสียชีวิตถึง 120 คน บาดเจ็บราว 4,500 คนจากการเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นเช้านี้ ขณะที่ผู้สื่อข่าวรอยเตอร์ในที่เกิดเหตุนับจำนวนศพที่โกดังเก็บชั่วคราวได้ 36 ร่าง
ทางการอียิปต์ยังไม่มีคำอธิบายต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่หากยอดผู้เสียชีวิตได้รับการยืนยัน ก็จะถือว่าเป็นเหตุนองเลือดที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่รัฐบาลมอร์ซีถูกโค่นจากอำนาจเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม
ล่าสุด อดีตประธานาธิบดีสายอิสลามิสต์ซึ่งยังถูกคุมขังอยู่ในสถานที่ที่ไม่เปิดเผย ถูกตั้งข้อหาอาชญากรรมหลายกระทง รวมไปถึงข้อหาสมรู้ร่วมคิดกับกลุ่มหัวรุนแรงฮามาสในปาเลสไตน์ฆาตกรรมตำรวจและแหกคุก ระหว่างเกิดจลาจลขับไล่อดีตประธานาธิบดีมูบารัคเมื่อปี 2011 ซึ่ง มอร์ซี ได้หลบหนีออกจากเรือนจำพร้อมกับนักโทษทางการเมืองคนอื่นๆ
สำนักข่าวมีนารายงานว่า มอรซี ถูกกล่าวหาว่าฆาตกรรมนักโทษ สมรู้ร่วมคิดจู่โจมและทำลายเรือนจำ และปล่อยผู้ต้องขังหลบหนี ซึ่งก็รวมไปถึงตัวเขาเองด้วย
เหตุจลาจลที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะสงบมานานกว่า 3 สัปดาห์ ส่งผลให้มีพลเรือนถูกสังหารไปมากกว่า 200 ราย และยังสร้างความแตกแยกร้าวลึกในสังคมอียิปต์ซึ่งเป็นรัฐที่มีพลเมืองหนาแน่นที่สุดในโลกอาหรับ