เอเอฟพี - ราคาน้ำมันขยับลงวานนี้(26) หลังจีนสั่งลดกำลังการผลิตภาคอุตสาหกรรมรับมือภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ส่วนวอลล์สตรีททรงตัว แม้ได้แรงหนุนจากหุ้นอเมซอน ขณะที่ทองคำ ปิดลบ จากการขายทำกำไรของนักลงทุน
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนกันยายน ลดลง 79 เซนต์ ปิดที่ 104.70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 48 เซนต์ ปิดที่ 107.17 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมัน มีขึ้นหลังจากจีน ผู้บริโภคพลังงานรายใหญ่ของโลก มีคำสั่งให้โรงบริษัทต่างๆ ที่มีสายการผลิตล้นตลาดลดการผลิตหรือถึงขั้นปิดโรงงาน ป้องกันปัญหาการทำสงครามตัดราคาและเดินหน้าปรับโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ หลังประสบปัญหาการชะลอตัว
คำสั่งดังกล่าวที่มีออกมาเมื่อวันพฤหัสบดี(25) กำหนดให้บริษัทต่างๆกว่า 1,300 แห่ง ใน 19 อุตสาหกรรม ลดกำลังผลิตส่วนเกินที่สร้างปัญหาทางการเงิน ซึ่งอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบ ประกอบด้วย เหล็ก ซีเมนต์ ทองแดง แก้ว ซึ่งมีบางแห่งถึงขั้นต้องปิดโรงงาน โดยปัจจัยนี้ซ้ำเติมความกังวลทางอุปสงค์พลังงานในจีน ชาติเศรษฐกิจอันดับ 2 ของโลก
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้(26) ส่วนใหญ่ทรงตัว แต่แนสแดค ปิดบวกพอสมควร จากปัจจัยหนุนของหุ้นอเมซอน หลังบริษัทค้าปลีกออนไลน์ยักษ์ใหญ่แห่งนี้มีผลประกอบการไตรมาส 2 อันแข็งแกร่ง
ดัชนีดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 2.99 จุด (0.02 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 15,558.60 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 1.39 จุด (0.26 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,691.64 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 7.98 จุด (0.22 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,613.16 จุด
นักวิเคราะห์บอกว่าการซื้อขายวานนี้(26) มีมูลค่าเบาบางตามปกติของวันศุกร์สุดท้ายของเดือนกรกฎาคม ด้วยข่าวคราวทางเศรษฐกิจและรายงานผลประกอบการของบริษัทต่างๆยังเป็นปัจจัยที่ปกคลุมตลอดอยู่
ส่วนราคาทองคำวานนี้(26) ขยับลงพอสมควร จากการขายทำกำไร หลังปิดบวกต่อเนื่องในระยะหลัง อย่างไรก็ตามหากรวมการเคลื่อนไหวตลอดทั้ง 5 วันของการซื้อขายแล้ว ก็นับเป็นการดีดตัวขึ้น 3 สัปดาห์ติดต่อกันแล้ว ราคาทองคำตลาดโคเมกซ์ ลดลง 7.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,321.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์