รอยเตอร์ - สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ มีมติเสียงส่วนใหญ่ไม่รับข้อเสนอแก้ไขกฎหมายงบประมาณกระทรวงกลาโหม (defense appropriations bill) ซึ่งจะลดทอนอำนาจของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ (เอ็นเอสเอ) ในการสอดแนมข้อมูลสื่อสารของพลเมือง วานนี้ (24)
สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ลงคะแนนโหวต 217 ต่อ 205 เสียง ไม่รับข้อเสนอแก้ไขกฎหมายงบประมาณกระทรวงกลาโหม (defense appropriations bill) ที่ จัสติน เอแมช ส.ส.รีพับลิกันจากรัฐมิชิแกน เป็นผู้หยิบยกขึ้นมา ซึ่งอาจส่งผลให้เอ็นเอสเอถูกลดอำนาจที่จะเข้าถึงข้อมูลสื่อสารผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ เช่น ข้อมูลการใช้โทรศัพท์ เป็นต้น
กระแสต่อต้านโปรแกรมสอดแนมของเอ็นเอสเอ นำมาสู่การจับขั้วระหว่าง ส.ส.หัวเสรีนิยมในพรรครีพับลิกันและเดโมแครต โดยผลลงคะแนนในสภาแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มชัดเจน ฝ่ายรีพับลิกันหนุนให้แก้ไขกฎหมาย 94 เสียง ต่อต้าน 134 เสียง ส่วนฝ่ายเดโมแครตเห็นด้วยกับการแก้กฎหมาย 111 เสียง แต่คัดค้าน 83 เสียง
ท้ายที่สุด สภาผู้แทนราษฎรลงมติรับรองร่างกฎหมาย ซึ่งให้งบแก่กระทรวงกลาโหม 600,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับปีงบประมาณ 2014 รวมไปถึงงบสำหรับภารกิจทางทหารในอัฟกานิสถานด้วย
ทอม คอตตอน ส.ส.รีพับลิกันซึ่งหนุนโปรแกรมสอดแนมของ เอ็นเอสเอ เต็มที่ ชี้ว่า “ข้อมูลเมตะดาตา” ที่ถูกตรวจสอบนั้นมีเพียงหมายเลขปลายทาง, หมายเลขต้นทาง, วัน, เวลา และระยะเวลาที่ใช้โทรศัพท์ เท่านั้น
“โครงการนี้ช่วยให้สหรัฐฯ ป้องกันการก่อการร้ายได้นับสิบๆครั้ง ซึ่งก็หมายความว่า ชีวิตของชาวอเมริกันจำนวนมากมายได้รับการปกป้องไว้... การแก้กฎหมายไม่เพียงจำกัดขอบเขต เปลี่ยนแปลง หรือควบคุมโปรแกรมดังกล่าวเท่านั้น แต่มันคือการปิดฉากโปรแกรมสอดแนมไปโดยสิ้นเชิง” คอตตอนระบุ พร้อมกับเปรียบเทียบข้อมูลเมตะดาตาเหล่านี้ว่าเป็นเสมือน “กองฟาง” ซึ่งหากต้องการหา “เข็ม” สักเล่มที่ซ่อนอยู่ในนั้น ก็จำเป็นต้องเข้าไปค้นในกองฟางทั้งหมด
อย่างไรก็ดี เอแมชและพรรคพวกที่ต่อต้านโปรแกรมสอดแนมชี้ว่า ประเด็นหลักของเรื่องนี้อยู่ที่รัฐบาลสหรัฐฯ มีสิทธิ์ที่จะรวบรวมและเก็บบันทึกข้อมูลการสื่อสารของพลเมืองอเมริกัน ซึ่งถือเป็นเรื่องส่วนบุคคลหรือไม่
“รัฐบาลนี้อ้างความมั่นคงจนทำเกินกว่าเหตุ... เราต้องหยุดยั้งการล่วงละเมิดของรัฐบาล หยุดปฏิบัติการสอดแนม และให้พวกเขาเอาหมายศาลมายืนยันเสียก่อน ไม่เช่นนั้นก็อยู่ห่างๆ จากชีวิตพวกเรา” เท็ด โพ ส.ส.รีพับลิกันจากรัฐเทกซัสกล่าว
เอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน อดีตพนักงานสัญญาจ้างเอ็นเอสเอจอมแฉ ถูกรัฐบาลวอชิงตันเพิกถอนหนังสือเดินทาง และยังคงกบดานอยู่ในพื้นที่ทรานสิตของสนามบินกรุงมอสโก เนื่องจากไม่สามารถเดินทางไปลี้ภัยในประเทศใดได้