เอเอฟพี - ในวันอังคาร(2)รัสเซียได้ยื่นเอกสารที่แสดงหลักฐานพิสูจน์ได้ว่ากลุ่มกบฎซีเรียได้ใช้แก็สพิษซารีนในสงครามกลางเมืองซีเรียช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทูตรัสเซียประจำองค์การสหประชาชาติแถลง
ทูตรัสเซียประจำยูเอ็น วิตาลี ชูร์คิน เผยว่า ผู้เชี่ยวชาญของรัสเซียได้เดินทางไปยังข่าน อัล-อัสซาลซึ่งเป็นสถานที่กลุ่มต่อต้านรัฐบาลซีเรียใช้แก็ซซารีนในการโจมตี
การกระทำของรัสเซียในครั้งนี้ได้จุดประกายการขัดแย้งขึ้นอีกครั้งในการใช้อาวุธเคมีในระดับนานาชาติของสงครามซีเรียที่ยาวนานกว่า 26 เดือน
ในขณะที่ทางด้านสหรัฐฯปฎิเสธเสียงแข็งในสิ่งที่รัสเซียค้นพบ โดยทางทำเนียบขาวแถลงว่า ไม่มีหลักฐานใดที่จะยืนยันความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มกบฎซีเรียและอาวุธเคมี โดยสหรัฐเชื่อว่ายังไม่มีหลักฐานใดชี้ว่านอกจากรัฐบาลซีเรียที่มีความสามารถในการผลิตอาวุธเคมีนี้ขึ้นมา และฝรั่งเศสยืนกรานให้ซีเรียอนุญาตยูเอ็นเข้าไปตรวจสอบได้โดยไม่จำกัดในที่ที่คาดการว่าอาวุธเคมีจะถูกใช้ และก่อนหน้านั้นทั้งสหรัฐฯ ฝรั่งเศสและอังกฤษได้ร่วมกันยื่นหลักฐานให้ผู้เชี่ยวชาญของยูเอ็นเพื่อแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลซีเรียใช้อาวุธเคมีในการต่อสู้กับกลุ่มกบฎซีเรีย
ที่ผ่านมารัฐบาลซีเรียปฎิเสธที่จะให้ยูเอ็นเข้าตรวจสอบ แต่ทว่าล่าสุดกลับต้องการที่จะมีการพูดจากับยูเอ็นในเรื่องการเข้าตรวจสอบ ซึ่งทางทูตซีเรียประจำยูเอ็นบาชาร์ จาฟารีได้เผยในวันจันทร์(8) ว่าอนุญาตให้ยูเอ็นเข้าตรวจสอบเฉพาะที่ข่าน อัล-อัสซาล และจุดมุ่งหมายที่จะเจรจากับยูเอ็นนั้นจะอยู่ในกรอบของการเข้าสอบสวน
ด้านชูร์คินเผยกับผู้สื่อข่าวว่า การตรวจสอบของรัสเซียอยู่บนพื้นฐานที่ว่า ทางกลุ่มกบฎซีเรียได้ยิงขีปนาวุธบาเชียร์ 3 ลูก ที่ข่าน อัล-อัสซาลในวันที่ 19 เดือนมีนาคม คร่าชีวิตไป 26 คน รวมถึงทหารรัฐบาลซีเรียอีก 16 หน่วย
และชูร์คินยังเผยต่อไปว่า รัสเซียได้รับข้อมูลยืนยันว่าขีปนาวุธบาเชียร์ทั้ง 3 ลูกนั้นถูกผลิตโดยกลุ่มบาเชียร์ อัล-นาซร์ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกองกำลังปลดปล่อยซีเรีย “ผลจากการวิเคราะห์ชี้ว่ามิสไซล์ที่ใช้ในการโจมตีที่ข่าน อัล-อัสซาลไม่ได้มาจากโรงงานผลิตอาวุธและมันมีส่วนประกอบของสารพิษทำลายประสาทซารีนอยู่” ทูตรัสเซียประจำยูเอ็นเสริม
ทางด้านโฆษกยูเอ็น มาร์ติน เนเซอร์กี กล่าวว่า รายงานจากรัสเซียที่มอบให้นั้นกำลังอยู่ระหว่างการศึกษา