"แผนสันติภาพอียิปต์" ส่อเค้าไม่เวิร์ก

เอเอฟพี - กลุ่มการเมืองหลักของอียิปต์ ซึ่งให้การสนับสนุนทหารในการขับไล่โมฮาเหม็ด มอร์ซี อดีตผู้นำสายอิสลามิสต์ ประกาศจุดยืนไม่ยอมรับแผนสันติภาพของรักษาการประธานาธิบดีที่จะนำไปสู่การเลือกตั้งใหม่ ส่งผลให้กระบวนการเปลี่ยนผ่านจากการนองเลือดเข้าสู่การปกครองโดยพลเรือนตามครรลองประชาธิปไตยในอียิปต์มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น

รายงานข่าวระบุว่า กลุ่มพันธมิตรแนวร่วมกู้ชาติอียิปต์ (NSF) ที่ก่อนหน้านี้ออกมาเรียกร้องให้มอร์ซียอมลาออก ได้ประกาศในแถลงการณ์ว่า พวกตนขอปฏิเสธแผนการเปลี่ยนผ่านประเทศและแนวทางของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่เสนอโดยอัดลี มันซูร์ ผู้นำรักษาการ สอดคล้องกับท่าทีของกลุ่มภราดรภาพมุสลิมของมอร์ซี่ที่ยังคงยืนกรานให้ประธานาธิบดีที่ถูกปฏิวัติกลับเข้ารับตำแหน่งเดิม และปฏิเสธรัฐธรรมนูญชั่วคราวฉบับนี้ตลอดจนกรอบเวลาจัดการเลือกตั้งนี้ด้วยเช่นกัน

ความเคลื่อนไหวล่าสุดเกิดขึ้นในช่วงเวลาไล่เลี่ยกับเหตุรุนแรงในคาบสมุทรซีไนที่เกิดการปะทะจนยากควบคุม โดยในตอนเช้าวันนี้(10) มีรายงานผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 2 ราย เมื่อกำลังทหารและตำรวจเข้าปะทะกับกลุ่มติดอาวุธในพื้นที่

ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีรักษาการมันซูร์ยืนยันว่า ได้กำหนดกรอบเวลาสำหรับการเลือกตั้งครั้งใหม่ที่จะจัดขึ้นช่วงต้นปีหน้า และได้แต่งตั้งนายกรัฐมนตรีและรองประธานาธิบดีคนใหม่

ฮาเซม อัล เบบลาวี นายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่เพิ่งรับตำแหน่งตกเป็นข่าวว่ามีแผนที่จะยื่นการผูกไมตรีต่อกลุ่มภราดรภาพมุสลิมโดยการเสนอที่นั่งในคณะรัฐมนตรีให้ ทั้งนี้ เป็นการรายงานของสำนักข่าวมีนาที่อ้างจากคำพูดของผู้ช่วยประธานาธิบดีรายหนึ่ง

ขณะที่ โมฮาเหม็ด เอลบาราเด เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพปี 2005 และอดีตผู้อำนวยการสำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) ซึ่งถูกต่อต้านอย่างหนักจากพวกอิสลามิสต์ไม่ให้ได้รับการเสนอขื่อเป็นนายกรัฐมนตรีึคนใหม่ก่อนหน้านี้ ก็ได้รับเลือกให้นั่งในตำแหน่งรองประธานาธิบดีแทน

การขับไล่ประธานาธิบดีมอร์ซีออกจากอำนาจเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีขึ้นหลังเกิดการต่อต้านรัฐบาลครั้งใหญ่ที่ลุกลามจนเกิดความรุนแรงและมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก โดยเหตุรุนแรงที่เลวร้ายที่สุดตั้งแต่การโค่นล้มมอร์ซี่ คือเหตุการณ์การปะทะนอกค่ายทหารในกรุงไคโรเมื่อวันจันทร์(8) ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 51 คน ซึ่งผู้เสียชีวิตส่วนมากแล้วเป็นกลุ่มผู้สนับสนุนมอร์ซี