เอเจนซีส์ - ผู้นำรักษาการของอียิปต์ประกาศกรอบเวลาเพื่อเร่งรัดคืนอำนาจให้ประชาชน คาดจัดเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภา-ประธานาธิบดีช่วงต้นปีหน้า ขณะที่สถานการณ์ความตึงเครียดในแดนไอยคุปต์ยังไม่มีท่าทีคลี่คลายหรือบรรเทาลง โดยเหตุปะทะหน้าศูนย์บัญชาการกองกำลังพิทักษ์สาธารณรัฐ ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 50 คน โดยกลุ่มภราดรภาพมุสลิมประกาศเชิญชวนชาวอียิปต์ลุกฮือครั้งใหญ่ท้าทายอำนาจกองทัพ
อัดลี มันซูร์ ประธานาธิบดีรักษาการอียิปต์วัย 67 ปี ที่ก้าวขึ้นครองอำนาจเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคมที่ผ่านมาออกแถลงเมื่อคืนวันจันทร์ (8) ว่าจะแต่งตั้งคณะกรรมาธิการ 2 ชุดเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ร่างโดยพรรคการเมืองสายอิสลามิสต์และผ่านการรับรองในสมัยอดีตประธานาธิบดีโมฮัมเหม็ด มอร์ซี โดยยืนยันจะมีการทำประชามติรับรองรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ภายใน 4 เดือนข้างหน้า
จากนั้น มันซูร์เผยว่ารัฐบาลเฉพาะกาลของเขาจะจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภา ราวช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า และหลังจากเปิดประชุมแล้ว รัฐสภาจะมีเวลา 1 สัปดาห์ ในการจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ของประเทศ
มันซูร์ยังสั่งเปิดการไต่สวนกรณีที่กลุ่มผู้สนับสนุนมอร์ซีเสียชีวิตนับสิบราย หน้าศูนย์บัญชาการกองกำลังพิทักษ์สาธารณรัฐเมื่อเช้าวันจันทร์ (8) แม้น้ำเสียงของถ้อยแถลงสอดคล้องกับแถลงการณ์ของกองทัพที่ว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากมีความพยายามบุกเข้าสู่ศูนย์บัญชาการฯ
ทั้งนี้ โฆษกกองทัพและสำนักงานตำรวจจัดการแถลงข่าว ซึ่งมีการถ่ายทอดทางโทรทัศน์ไปทั่วประเทศว่า มือปืนที่ปะปนอยู่ในกลุ่มผู้ประท้วงเป็นผู้เริ่มก่อเหตุรุนแรงก่อน
พ.อ.อาเหม็ด โมฮัมเหม็ด อาลีแถลงรวมทั้งเปิดคลิปยืนยันว่า ศูนย์บัญชาการกองกำลังพิทักษ์สาธารณรัฐถูกระดมยิงอย่างหนัก รวมทั้งถูกขว้างด้วยระเบิดขวดเมื่อเวลาประมาณ 04.00 น.ในวันจันทร์ (8) ทำให้ทหาร 1 นาย และตำรวจ 2 นายเสียชีวิต
อย่างไรก็ดี ในคลิปไม่ได้ถ่ายให้เห็นว่าทหารตอบโต้อย่างไรต่อกลุ่มผู้ประท้วง รวมทั้งไม่มีการระบุเวลาว่า คลิปดังกล่าวถ่ายเมื่อใด อีกทั้งยังเป็นภาพมุมสูง นอกจากนั้นการแถลงข่าวของกองทัพอียิปต์ครั้งนี้ไม่ได้อธิบายว่าเหตุใดผู้ประท้วงจึงเสียชีวิตเช่นกัน
ทางด้านผู้เห็นเหตุการณ์ที่อยู่นอกกลุ่มการชุมนุมเปิดเผยว่า การยิงปะทะกันเริ่มเปิดฉากขึ้นเมื่อกองกำลังรักษาความมั่นคงเคลื่อนมาที่ค่ายผู้ประท้วงและสำนักข่าวของทางการรายงานว่า เหตุการณ์นี้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 51 คน และบาดเจ็บอีก 435 คน
ด้านพรรคเสรีภาพและความยุติธรรมซึ่งเป็นปีกการเมืองของกลุ่มภราดรภาพมุสลิมที่สนับสนุนมอร์ซี เรียกร้องชาวอียิปต์ลุกขึ้นสู้กองทัพที่พยายามเปลี่ยนอียิปต์ให้กลายเป็น “ดินแดนแห่งการนองเลือด” แบบซีเรีย
ขณะเดียวกัน อัล-นูร์ พรรคอนุรักษนิยมสุดขั้วและพรรคการเมืองอิสลามพรรคเดียว ที่ให้สนับสนุนการถอดถอนมอร์ซี ประกาศระงับการเข้าร่วมเจรจาจัดตั้งรัฐบาลชั่วคราวเพื่อประท้วงการสังหารหมู่ดังกล่าว
เหตุการณ์นองเลือดเมื่อเช้าตรู่วันจันทร์ (8) ยิ่งเป็นการสุมไฟการเผชิญหน้าระหว่างกลุ่มสนับสนุนและกลุ่มต่อต้านอดีตประธานาธิบดีสายอิสลามิสต์อย่างมอร์ซี โดยในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แนวร่วมทางการเมืองและประชาชนมากมายออกมาชุมนุมในกรุงไคโรและเมืองอื่นๆ ทั่วประเทศเพื่อสนับสนุนกองทัพที่โค่นอำนาจมอร์ซี
อย่างไรก็ดี ดูเหมือนกองทัพและกลุ่มภราดรภาพมุสลิมเลือกที่จะไม่เผชิญหน้ากัน โดยกลุ่มภราดรภาพมุสลิมกล่าวหาว่า กองทัพทำรัฐประหารต่อระบอบประชาธิปไตย ขณะที่ฝ่ายต่อต้านโจมตีว่า มอร์ซีถลุงชัยชนะของตนเองในการเลือกตั้งปีที่แล้ว และอุ้มพวกอิสลามิสต์เข้าผูกขาดอำนาจ
ขณะเดียวกัน นักการเมืองบางคนพยายามผลักดันแผนการใหม่ในการสร้างความปรองดอง เช่น กรณีชีค อาเหม็ด เอล-ตอเยบ อิหม่ามใหญ่ของอัล-อาซาร์ ซึ่งเป็นกลุ่มที่โดดเด่นที่สุดในศาสนาอิสลามนิกายสุหนี่ เรียกร้องให้จัดตั้งคณะกรรมการปรองดองที่มีอำนาจเต็มที่ทันที เพื่อเริ่มทำงานและปล่อยตัวผู้ถูกจับกุมในช่วงไม่กี่วันมานี้ ซึ่งรวมถึงแกนนำภราดรภาพมุสลิม 5 คนที่ถูกคุมขังหลังมอร์ซีถูกปลด รวมถึงตัวอดีตประธานาธิบดีมอร์ซีเองที่ขณะนี้ยังคงถูกควบคุมตัวตัวในสถานที่ลับของทหาร
นอกจากนี้ ยังมีเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน นั่นคือชีค อัล-อาซาร์ ผู้นำศาสนาอิสลามคนสำคัญของอียิปต์ เตือนว่าอาจเกิดสงครามกลางเมือง และประกาศเก็บตัวอยู่ภายในบ้านพักจนกว่าทั้งสองฝ่ายจะยุติการนองเลือด ซึ่งสะท้อนความรู้สึกของ “ชาวอียิปต์สายกลาง” จำนวนมากที่ไม่พอใจทั้งฝ่ายสนับสนุนและฝ่ายต่อต้านมอร์ซี
สถานการณ์วุ่นวายนี้ยังอาจทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างอียิปต์กับอเมริกาและพันธมิตรตะวันตกอื่น ที่สนับสนุนมอร์ซีในฐานะประธานาธิบดีคนแรกที่มาจากการเลือกตั้งอย่างเสรีของอียิปต์ซับซ้อนยิ่งขึ้น โดยขณะนี้ประเทศเหล่านี้กำลังประเมินนโยบายที่มีต่อไคโรอย่างเร่งด่วน
อย่างไรก็ตาม ทำเนียบขาวแถลงเมื่อวันจันทร์ (8) ว่า การตัดงบช่วยเหลือทางทหารแก่อียิปต์ปีละกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุด แม้ขณะนี้รัฐบาลวอชิงตันกำลังมีการทบทวนว่า การปลดมอร์ซีถือเป็นการทำรัฐประหารของกองทัพอียิปต์ซึ่งขัดต่อกฎหมายของสหรัฐฯ อยู่หรือไม่ก็ตาม
ล่าสุด พรรคนูร์ ซึ่งเป็นกลุ่มการเมืองอิสลามิสต์ที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 2 รองจากกลุ่มภราดรภาพมุสลิมประกาศในวันอังคาร (9) ว่า ยินดีให้การสนับสนุนซาเมีัยร์ รัดวาน อดีตรัฐมนตรีคลังอียิปต์ ในฐานะตัวเลือกในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของประเทศ หลังจากที่เมื่อสัปดาห์ก่อนพรรคนูร์ได้ปฏิเสธไม่ยอมรับนายโมฮัมเหม็ด เอลบาราเด อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) ในการเข้ารับตำแหน่งดังกล่าวในรัฐบาลเฉพาะกาล
ขณะเดียวกัน ชีก อับดุลเลาะห์ บิน ซายเอ็ด รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์พร้อมคณะได้เดินทางถึงกรุงไคโรแล้วในวันอังคาร (9) นับเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากต่างประเทศกลุ่มแรกที่เดินทางเยือนอียิปต์นับตั้งแต่เกิดการยึดอำนาจ
โดยบาเดอร์ อับเดลลัตตี โฆษกกระทรวงต่างประเทศยูเออีแถลงว่า การเยือนอียิปต์ครั้งนี้เป็นการตอกย้ำถึงการสนับสนุนอย่างเต็มเปี่ยมของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจต่อรัฐบาลชุดใหม่ของอียิปต์