เอเอฟพี - เกาหลีเหนือและใต้ส่งคณะผู้แทนไปยังเมืองแกซองเพื่อเจรจาเรื่องการเปิดนิคมอุตสาหกรรมร่วม สัญลักษณ์แทนมิตรภาพแห่งสุดท้ายที่ตกเป็นเหยื่อวิกฤตการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีเมื่อ 3 เดือนก่อน กระทรวงการรวมชาติเกาหลีใต้แถลงวันนี้ (10)
คณะผู้แทนเกาหลีใต้เดินทางไปยังนิคมอุตสาหกรรมแกซองเพื่อพบปะกับเจ้าหน้าที่เปียงยาง ซึ่งทุกฝ่ายก็หวังว่าการพูดคุยในครั้งนี้จะช่วยฟื้นคืนชีวิตแก่เขตอุตสาหกรรมร่วมสองเกาหลี แม้ทั้งสองฝ่ายจะยังคงกล่าวโทษซึ่งกันและกันก็ตาม
สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โซลและเปียงยางเห็นชอบในหลักการที่จะให้นิคมอุตสาหกรรมแกซองซึ่งอยู่ห่างจากชายแดนเข้าไปในเขตเกาหลีเหนือราว 10 กิโลเมตรเปิดดำเนินการอีกครั้ง หลังตกเป็นเหยื่อปัญหาการเมืองระหว่างประเทศจนต้องปิดตัวไปนานกว่า 3 เดือน
ซูห์ โฮ หัวหน้าคณะผู้แทนเกาหลีใต้ ให้สัมภาษณ์ก่อนออกเดินทางว่า “เราจะพยายามอย่างดีที่สุด เพื่อให้การเจรจาครั้งนี้นำไปสู่ความเชื่อมั่นระหว่างกัน และเพื่อขยายขอบเขตความร่วมมือให้กว้างไกลกว่าเดิม”
เกาหลีใต้ร้องขอคำยืนยันจากเปียงยางว่าจะไม่สั่งปิดนิคมอุตสาหกรรมแต่ฝ่ายเดียวเช่นนี้อีก และขอให้โสมแดงหยุดใช้เขตอุตสาหกรรมร่วมเป็นเครื่องต่อรองทางการเมือง ซึ่งข้อเรียกร้องดังกล่าวเป็นเสมือน “ยาขม” ที่โสมแดงคงยากจะกลืนลง เพราะหากรับเงื่อนไขก็เท่ากับว่าเกาหลีเหนือยอมรับความผิดทั้งหมดไว้เอง
“การเจรจาเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ถือเป็นก้าวแรก แต่ขั้นตอนที่ยากยิ่งกว่ากำลังเริ่มแล้ว” เจ้าหน้าที่กระทรวงการรวมชาติเกาหลีใต้ระบุ
ผู้แทนเจรจาทั้ง 2 ฝ่ายร่วมหารือนานถึง 15 ชั่วโมงที่หมู่บ้านปันมุนจอมในเขตปลอดทหารชายแดน ก่อนจะมีถ้อยแถลงร่วมกันเมื่อวันอาทิตย์ (7) ว่าจะอนุญาตให้บริษัทเกาหลีใต้เปิดโรงงานที่แกซองได้อีกครั้งเมื่อถึงเวลาอันสมควร
ทั้งนี้ ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าการเจรจาที่นิคมอุตสาหกรรมแกซองวันนี้ (10) จะกินเวลานานเท่าใด ขณะที่นักธุรกิจเกาหลีใต้ก็ได้เดินทางเข้าไปตรวจสภาพโรงงานของพวกเขาวันนี้เช่นกัน
รายงานระบุว่า เจ้าหน้าที่และคนงานจากเกาหลีใต้กว่า 20 ชีวิต ได้เดินทางเข้าไปยังนิคมอุตสาหกรรมแกซองเพื่อเปิดแผงจ่ายไฟฟ้าแล้วตั้งแต่เมื่อวาน (9)
สถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีกลับมาตึงเครียดหนักในช่วง 3-4 เดือนก่อน หลังจากที่โสมแดงฝืนคำเตือนนานาชาติทดลองระเบิดนิวเคลียร์ครั้งที่ 3 จนถูกองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ลงดาบคว่ำบาตรหนักกว่าเก่า ผู้นำเปียงยางตอบโต้บทลงโทษของยูเอ็นด้วยคำขู่เปิดสงครามเทอร์โมนิวเคลียร์กับวอชิงตันและโซล ซึ่งทำให้สหรัฐฯ ต้องส่งทั้งเรือรบและเครื่องบินทิ้งระเบิดเข้าไปซ้อมรบในเกาหลีใต้ เพื่อป้องปรามมิให้โสมแดงเหิมเกริมไปกว่านั้น
ขณะเดียวกัน สื่อเกาหลีใต้ก็รายงานในทำนองว่า แม้สถานการณ์จะเข้าขั้นวิกฤตเพียงไร เปียงยางก็คงไม่กล้าแตะต้องนิคมอุตสาหกรรมแกซองซึ่งเป็นแหล่งรายได้หลักของตนเอง ทำให้เกาหลีเหนือตัดสินใจตอบโต้ด้วยการสั่งถอนแรงงานโสมแดง 53,000 คนออกจากนิคมอุตสาหกรรมในช่วงต้นเดือนเมษายน