เอเอฟพี - พระสันตะปาปาฟรานซิส ทรงเรียกร้องเมื่อวันจันทร์ (8) ให้หยุดเมินเฉยต่อชะตากรรมอันเลวร้ายของผู้ลี้ภัย ในระหว่างเสด็จเยือนเกาะแห่งหนึ่งในอิตาลี ซึ่งเป็นจุดแรกที่คนจากแอฟริกาและตะวันออกกลางจำนวนหลายหมื่นซึ่งประสงค์จะลี้ภัยในยุโรปมักเดินทางผ่าน
“เราขอให้พระองค์ประทานอภัยแก่ผู้ที่ไม่แยแสพี่น้องจำนวนมาก” สันตะปาปาตรัสในพิธีมิสซา ซึ่งจัดขึ้นในบริเวณใกล้ท่าเรือ นับเป็นการเดินทางออกนอกกรุงโรมครั้งแรก หลังจากทรงเข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนมีนาคม
จากจุดที่สามารถมองเห็นเรือซึ่งผู้ลี้ภัยจอดทิ้งไว้หลายสิบลำ ประมุขคริสตศาสนจักรนิกายโรมันคาทอลิกทรงสวดภาวนาให้คนหลายร้อยที่จมน้ำเสียชีวิตในแต่ละปี เนื่องจากพยายามที่จะเดินทางเข้ามาในยุโรป และพระองค์ตรัสว่าเสด็จเยือนเกาะลัมเปดูซาครั้งนี้เพื่อ “เรียกสติ”
“วัฒนธรรมของผู้กินดีอยู่ดีทำให้เราคิดถึงแต่ตัวเอง ทำให้เราเป็นคนที่เมินเฉยต่อเสียงร้องขอความช่วยเหลือของผู้อื่น” พระองค์ตรัส อีกทั้งทรงกระตุ้นให้ประชาชนมี “ความรับผิดชอบแห่งภราดรภาพ” และทรงประณาม “โลกาภิวัตน์แห่งความเย็นชา”
ก่อนหน้านี้ประมุขแห่งคาทอลิกผู้นี้เสด็จขึ้นเรือรักษาความปลอดภัยชายฝั่ง และทรงหย่อนพวงหรีดไว้อาลัยลงสู่ท้องทะเล อีกทั้งทรงทำสัญลักษณ์เป็นรูปไม้กางเขนอย่างเคร่งขรึม เหนือท้องทะเลซึ่งเป็นจุดที่มีผู้จมน้ำเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
ทางด้านพระคาดินัลอันโตนิโอ มาเรีย เวกลิโอ ผู้อำนวยการสำนักงานผู้อพยพของรัฐวาติกัน กล่าวว่า คาดหวังว่าการเสด็จของพระสันตะปาปาในครั้งนี้จะกระตุ้น “การแสดงความห่วงใยอย่างเป็นรูปธรรม และความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เพื่อช่วยปรับปรุงสถานการณ์ที่เริ่มไร้มนุษยธรรมและยอมรับไม่ได้”
ทั้งนี้ มีผู้เดินทางมาถึงเกาะลัมเปดูซามากขึ้นในช่วงไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมา เนื่องจากสภาพอากาศที่ดีขึ้น โดยปีนี้มีผู้เดินทางมาถึงแล้วราว 4,000 คน ซึ่งเป็นกว่า 3 เท่าตัวของจำนวนผู้ที่เดินทางมาถึง ในช่วงเวลาเดียวกันนี้เมื่อปี 2012
ตั้งแต่ปี 1999 มีผู้ลี้ภัยเดินทางมายังเกาะแห่งนี้มากกว่า 200,000 คน ทำให้เกาะแห่งนี้กลายเป็นทางผ่านที่มีผู้อพยพเข้ามาในยุโรปแบบไม่มีเอกสารรับรองที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง
สำนักงานข้าหลวงผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) ประมาณการว่ามีผู้เสียชีวิต 40 คนแล้วในปี 2013 โดยสาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการจมน้ำ ขณะพยายามเดินทางจากแอฟริกาเหนือมายุโรป ขณะที่เมื่อปี 2012 มีรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตและสูญหายราว 500 คน