เอเจนซีส์ - ประธานาธิบดีหญิงแห่งอาร์เจนตินา คริสตินา เฟอร์นันเดซ เด เคิร์ชเนอร์ ออกคำสั่งล่าสุดซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในประเทศ เพื่อช่วยเหลือภรรยาชาวอาร์เจนตินาที่ถูกสามีของพวกเธอละทิ้ง และทิ้งภาระครอบครัวให้เป็นผู้รับผิดชอบ โดยการเปลี่ยนแปลงนี้จะทำให้ภรรยาที่ต้องกลายเป็นผู้นำครอบครัวยังคงสามารถได้รับเงินช่วยเหลือจากทางการอาร์เจนตินา ถึงแม้จะพิสูจน์ได้ว่าสามีที่ทอดทิ้งพวกเธอไปนั้นยังคงมีรายได้อยู่
ประธานาธิบดีคริสตินา เฟอร์นันเดซ เด เคิร์ชเนอร์ แห่งอาร์เจนตินา ได้ออกคำสั่งที่เปลี่ยนแปลงการให้ความช่วยเหลือด้านสวัสดิการของรัฐในอาร์เจนตินาเป็นผลให้ภรรยาที่ถูกสามีทอดทิ้งสามารถรับเงินช่วยเหลือจากทางการอาร์เจนตินาแทนได้ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เป็นชัยชนะครั้งใหญ่ของบรรดาแม่ชาวอาร์เจนตินาในสังคมที่ผู้ชายเป็นใหญ่ ที่ต้องเดินหน้าเลี้ยงครอบครัวภายหลังจากที่ถูกสามีของพวกเธอทอดทิ้งไป
แอนเดรีย เนโรเน ซึ่งตอนแรกสูญเสียบ้านที่อาศัย และหลังจากนั้นเธอถูกปฎิเสธที่จะได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐเพื่อจุนเจือครอบครัวและบุตร 4 คน ภายหลังจากที่สามีได้ทอดทิ้งเธอไปปีที่แล้ว
เป็นเพราะเธอว่างงานและไม่สามารถจ่ายค่าเช่าบ้านที่เคยอาศัยก่อนหน้านั้นได้ เธอจึงพาลูกๆย้ายกลับมาอาศัยอยู่อย่างแออัดกับมารดาในบ้านขนาดเล็ก เธอได้รับเงินช่วยเหลือไม่กี่เดือนแรก แต่หลังจากที่ทางการอาร์เจนตินาค้นพบว่าสามีที่ทอดทิ้งเธอไปนั้นยังคงมีอาชีพสามารถเลี้ยงดูบุตรได้ เงินช่วยเหลือจึงถูกระงับลงไป
ปัญหาใหญ่ของเนโรเนคือ เอไม่สามารถติดต่อกับสามีของเธอได้และเขาไม่ให้เงินค่าเลี้ยงดูแต่อย่างใด
สิ่งที่เนโรนเนประสบอยู่นี้เป็นปัญหาที่ผู้หญิงในอาร์เจนตินาประสบอยู่ จากคำสั่งของประธานาธิบดีเฟอร์นันเดซ ในเดือนที่ผ่านมา นำพาการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ ประกาศให้ผู้หญิงชาวอาร์เจนตินาที่ถูกสามีทอดทิ้งสามารถรับเงินสวัสดิการแทนได้
เนโรเนรู้สึกยินดีกับการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ให้สิทธิ์การได้รับเงินช่วยเหลือมาอยู่ในมือของสตรีชาวอาร์เจนตินา
“มันเป็นสถานะการณ์ที่ยากลำบากมากสำหรับดิฉัน เพราะพ่อของลูกทั้ง 4 ขายแม้กระทั่งที่นอนของพวกเขา” เนโรเนแม่วัย 46 กล่าวต่อไปว่า ที่อาศัยของครอบครัวเธอในปัจจุบันนั้นอยู่ในกรุงบัวโนส ไอเรส ชานเมืองของวิลล่า อาเดลินา เนโรเนอาศัยอยู่ในห้องกับลูกทั้ง 4 แคนเดลา วัย 10 ขวบ มาเลนา วัย 9 ขวบ เซบาสเตียน วัย 6 ขวบและ ไอเลน วัย 17 ซึ่งมีลูกวัยทารกแล้ว “ถ้าหากว่าทางการสันนิษฐานว่าพ่อของเด็กๆยังมีงานทำ ดังนั้นแสดงว่าแม่เด็กและครอบครัวก็ต้องมีรายได้”
จากคำแถลงของเฟอร์นันเดซ เธอกล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ไม่ใช่การลงโทษฝ่ายชาย แต่เป็นการปกป้องผู้หญิง
“เราได้รับเรื่องร้องเรียนเป็นจำนวนมากจากผู้หญิงที่ถูกสามีทอดทิ้ง แต่สามีพวกนั้นกลับยังคงรับ “เงินช่วยเหลือจากรัฐ” ดังนั้นเราต้องการให้ผุ้เหญิงเป็นผู้ถือเงิน ยกเว้นในกรณีที่ศาลสั่งให้ฝ่ายชายเป็นผู้เลี้ยงดูบุตร อันนั้นถือว่ายุติธรรม”
จากข้อมูล ครอบครัวชาวอาร์เจนตินาที่ว่างงานได้รับเงินสวัสดิการราว 460 เปโซ(85 ดอลลาร์) ต่อบุตร 1 คน หรือ 1,500เปโซ (278 ดอลลาร์)ในกรณีที่มีบุตรพิการ ผ่านการได้รับเงินช่วยเหลือรายเดือน ผู้ใหญ่ได้รับ 80% ของเงินที่ได้รับผ่านบัญชีธนาคาร อีก 20% จะได้รับเป็นรายปีหลังจากครอบครัวได้มีหลักฐานว่าได้ให้บุตรของพวกเขาไปโรงเรียนและได้รับการฉีดวัคซีน
“มันเป็นเรื่องดีที่จะเปลี่ยนมือคนถือเงินในครอบครัวเพื่อให้มั่นใจว่า คนในครอบครัวจะมีอาหาร เสื้อผ้า และสิ่งที่จำเป็น” ศาสตราจารย์โนรา ลัสติก ด้านเศรษฐศาสตร์ลาตินอเมริกา แห่งมหาวิทยาลัยทูเลน เมืองนิวออร์ลีนส์ รัฐหลุยส์เซียนา
สำนักงานสวัสดิการสังคมของอาร์เจนตินาคาดว่า โครงการเงินช่วยเหลือแบบมีเงื่อนไขที่ เฟอร์นันเดซ ได้ริเริ่มขึ้นจากคำสั่งฉุกเฉินในปี 2009นั้น ได้เพิ่มขึ้นเกือบจะ 3.5พันล้านดอลลาร์ต่อปี เพื่อจะอุดหนุนครอบครัวชาวอาร์เจนตินาที่ยากจน โดยเด็กชาวอาร์เจนตินาราว 3.3 ล้านคนได้ประโยชน์จากโครงการนี้
จากการเปลี่ยนแปลงในกฎการรับสวัสดิการในครั้งนี้ เนโรเนจะกลับมาได้รับเงินช่วยเหลืออีกครั้งในเดือนกรกฎาคมนี้
อย่างไรก็ตาม บรรดานักวิจารณ์ต่างให้ความเห็นว่า โครงการประชานิยมเหล่านี้เป็นช่องทางในการการคอรัปชัน และฝ่ายค้านกล่าวว่า ผุ้หญิงอาร์เจนตินาที่ด้อยโอกาสเหล่านั้นตั้งใจท้องเพื่อรอรับเงินช่วยเหลือจากรัฐ
ด้านโปรเฟสเซอร์ลัสติกเสริมว่า “ต้องมีการริเริ่มโครงการเพื่อให้ชาวอาร์เจนตินาไม่เคยชินกับวัฒนธรรมรอรับการช่วยเหลือจากรัฐ”
อนึ่ง จากข้อมูล โครงการประชานิยมพวกนี้ได้ช่วยเหลือให้ชาวลาตินอเมริกาหลุดพ้นจากความยากจนใน 18 ประเทศ เฉพาะในบราซิล แค่โครงการ Bolsa Familiaสามารถช่วยได้ถึง 1 ใน 4 ของ ชาวบราซิล หรือมากกว่า 190 ล้านคน