เอเจนซี/เอเอฟพี - เกิดเหตุปะทะกันระหว่างฝ่ายสนับสนุนนายโมฮาเหม็ด มอร์ซี กับกองกำลังด้านความมั่นคง ที่เมืองมาร์ซา มาทรูฮ์ และอเล็กซานเดรียของอียิปต์เมื่อวันพุธ (3) จนมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 5 ราย หลังประธานาธิบดีอิสลามิสต์รายนี้ถูกกองทัพก่อรัฐประหารยึดอำนาจ ขณะที่สหรัฐฯ หวั่นสถานการณ์บานปลายแจ้งเตือนให้พลเมืองรีบอพยพออกมา
นายบาดร์ ตันตอวี ผู้ว่าราชการจังหวัด ให้สัมภาษณ์ต่อสำนักข่าวรอยเตอร์จากเมืองซึ่งตั้งอยู่แถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ติดชายแดนลิเบีย ระบุว่าผู้เสียชีวิต 4 รายเป็นฝ่ายสนับสนุนนายมอร์ซี นอกจากนี้แล้วยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 10 รายจากเหตุกลุ่มผู้สนับสนุนนายมอร์ซีที่ติดอาวุธจู่โจมเข้าไปยังศูนย์บัญชาการกองกำลังความมั่นคงของเมืองจนถูกตอบโต้กลับ ขณะที่รายที่ 5 นั้นก็เป็นฝ่ายสนับสนุนนายมอร์ซี แต่เสียชีวิตในเหตุปะทะที่เมืองอเล็กซานเดรีย
เหตุปะทะมีขึ้นหลังจากเมื่อช่วงดึกวันพุธ (3) พล.อ.อับเดล ฟัตตอห์ อัล-ซิซี ผู้บัญชาการกองทัพอียิปต์ ก่อรัฐประหารขับไล่ประธานาธิบดีโมฮาเหม็ด มอร์ซี หวังยุติเหตุนองเลือดที่ยืดเยื้อมานานกว่าหนึ่งสัปดาห์ อย่างไรก็ตาม ฝั่งอดีตผู้นำไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เรียกร้องผู้สนับสนุนต่อต้านการรัฐประหารอย่างสันติ ขณะที่นายอัสซาม อัล-ฮัดดัด ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของประธานาธิบดีมอร์ซี เตือนว่า “ในยุคสมัยนี้ ไม่มีรัฐหารประหารด้วยฝีมือทหารครั้งใดที่เกิดขึ้นต่อหน้ากองกำลังประชาชนจะประสบความสำเร็จโดยปราศจากเหตุนองเลือด”
ต่อมาในวันเดียวกัน มีรายงานว่ากองกำลังความมั่นคงบุกยึดและระงับการออกอากาศของสถานีโทรทัศน์ของกลุ่มภราดรภาพมุสลิมช่องหนึ่ง พร้อมทั้งยังเข้าควบคุมตัวเจ้าหน้าที่ของสถานีอัลญะซีเราะห์ มูบาชีร์ หรืออัลญะซีเราะห์สาขาอียิปต์ หลังจากสถานีโทรทัศน์แห่งนี้ออกอากาศคำปราศรัยขัดขืนการรัฐประหารของนายมอร์ซี
ในส่วนความเคลื่อนไหวของต่างประเทศนั้น เมื่อวันพุธ (3) สหรัฐฯ ออกคำสั่งอพยพ ณ สถานทูตประจำกรุงไคโรไม่กี่ชั่วโมงหลังจากกองทัพอียิปต์ยึดอำนาจจากประธานาธิบดีมอร์ซี โดยประกาศคำแนะนำด้านการเดินทางที่เผยแพร่ในเวลาต่อมายืนยันว่า “กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ มีคำสั่งให้บุคลากรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องฉุกเฉินและครอบครัวเดินทางออกจากอียิปต์ สืบเนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองและความไม่สงบทางสังคมที่กำลังดำเนินอยู่นี้”
บ่อยครั้งที่สถานทูตสหรัฐฯ ประจำอียิปต์ตกเป็นเป้าหมายของผู้ชุมนุม จึงได้ปิดทำการตามมาตรการป้องกันไว้ก่อนตั้งแต่วันพุธ (3) กระนั้นก็ตาม ด้วยวันพฤหัสบดี (4) เป็นวันชาติอเมริกาและช่วงปลายสัปดาห์นี้เป็นวันหยุดในโลกอาหรับ สถานทูตแห่งนี้จึงไม่มีกำหนดเปิดบริการจนถึงวันอาทิตย์ (7) อยู่แล้ว
ในคำเตือนระบุว่า “สถานการณ์ทางการเมืองดูเหมือนจะเลวร้ายลงในอนาคตอันใกล้นี้ ดังนั้นทางกระทรวงการต่างประเทศจึงแนะนำให้อเมริกันชนทุกคนงดเว้นเดินทางไปยังอียิปต์ ส่วนพลเมืองสหรัฐฯ ที่พำนักอยู่ในอียิปต์ก็ควรเดินทางออกมาตั้งแต่ตอนนี้เลย เพราะสถานการณ์ความไม่สงบทางการเมืองและสังคมลุกลามขึ้นเรื่อยๆ”
อีกด้านหนึ่ง องค์การนิรโทษกรรมสากลเมื่อวันพุธ (3) ก็ออกมาเรียกร้องกองทัพอียิปต์ให้ปกป้องพลเมืองของประเทศทุกคนไม่ว่าคนเหล่านั้นจะอยู่ฝ่ายไหนก็ตาม โดยขอให้กองกำลังด้านความมั่นคงในนั้นรวมถึงทหารทำทุกวิถีทางภายใต้อำนาจตนเองปกป้องสิทธิมนุษยชนและความปลอดภัยแก่ทุกคนในอียิปต์ โดยไม่พิจารณาถึงความเกี่ยวข้องทางการเมืองของพวกเขา
“เสรีภาพแห่งการแสดงออกถูกทำลายลงโดยสิ้นเชิง ทีวีหลายแห่งที่สนับสนุนประธานาธิบดีถูกปิดปาก และพนักงานโดนจับกุมทันทีตามหลังเหตุรัฐประหาร ไม่มีใครควรถูกลงโทษจากการแสดงออก รวมตัวหรือชุมนุมกันอย่างสันติ”
