เอเอฟพี/เอเจนซีส์ - อนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพพร้อมเปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวซึ่งคาดว่าจะเดินทางมาอย่างอุ่นหนาฝาคั่งอีกครั้ง ในวันที่ 4 กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันชาติอเมริกา หลังจากที่ปิดไม่ให้เข้าชมตั้งแต่เกิดมหาวาตภัยแซนดี้ถล่มนครนิวยอร์กเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
คาดการณ์กันว่านักท่องเที่ยวราว 15,000 คน จะเดินทางมายังสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ ในวันนั้นซึ่งจะมีรายการเฉลิมฉลองต่างๆ เป็นต้นว่า พิธีตัดริบบิ้นในตอนเช้าโดยไมเคิล บลูมเบิร์ก นายกเทศมนตรีนิวยอร์ก และแซลลี จีเวล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
มีประชาชนมากกว่า 3 ล้านคนในแต่ละปี พากันเดินทางมาเยี่ยมชมสิ่งก่อสร้างสูง 305 ฟุต (93 เมตร) ซึ่งสูงเท่ากับตึก 22 ชั้นแห่งนี้
ไม่กี่เดือนหลังจากเกิดพายุแซนดี้ คนงานก่อสร้างและเจ้าหน้าที่ของอุทยานแห่งชาติหลายร้อยคนจากทั่วประเทศก็เข้าดำเนินการซ่อมแซม
เจ้าหน้าที่ของนครนิวยอร์กและอุทยานแห่งชาติได้ตกลงกันตั้งจุดตรวจรักษาความปลอดภัยขึ้นใหม่ที่เกาะแมนฮัตตัน ก่อนที่จะให้นักท่องเที่ยวสามารถนั่งเรือเป็นระยะทางสั้นๆ ข้ามมายังเกาะลิเบอร์ตี ซึ่งเป็นที่ตั้งของเทพีเสรีภาพ
การซ่อมแซมเล็กน้อยบางรายการยังคงไม่เสร็จสิ้นดี ขณะที่เหลือเวลาอีกไม่กี่วันก็จะมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม ผู้เข้าชมนับหมื่นคนที่คาดว่าน่าจะมากันในวันพฤหัสบดีนี้ จะสามารถเยี่ยมชมอนุสาวรีย์ได้ตามปกติเหมือนก่อนเกิดพายุ
นักท่องเที่ยวที่จองบัตรเข้าชมไว้ล่วงหน้าแล้ว และพร้อมที่จะปีนป่ายบันได 377 ขั้น จะสามารถชมมงกุฏของเทพีสีเขียวมรกต ซึ่งก่อนหน้าที่พายุจะเข้าเพียงไม่นาน ได้เคยเปิดให้ชมอีกครั้งหลังปิดซ่อมแซมด้วยงบประมาณ 30 ล้านดอลลาร์ (ราว 930 ล้านบาท)
สำหรับค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมหลังได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติ ทั้งเกาะลิเบอร์ตีและเกาะเอลลิสที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง ซึ่งเคยเป็นท่าเรือที่มีผู้อพยพจำนวนหลายล้านคนใช้เดินทางเข้าสหรัฐฯ ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 59 ล้านดอลลาร์ (ราว 1,829 ล้านบาท)
เวลานี้เกาะเอลลิสซึ่งถูกแรงพายุทำลายจนเสียหายอย่างรุนแรง ยังคงถูกปิดไม่ให้เข้าชมอย่างไม่มีกำหนด
สายไฟฟ้าและสายโทรศัพท์บนเกาะเอลลิสยังคงไม่ได้รับการติดตั้งใหม่ อีกทั้งของสะสมในพิพิธภัณฑ์จำนวนหลายแสนชิ้นถูกส่งไปเก็บรักษาไว้ที่อื่นๆ เนื่องจากเครื่องปรับอากาศของพิพิธภัณฑ์ยังใช้การไม่ได้
เทพีเสรีภาพเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในนิวยอร์ก โดยเมื่อปี 2011 ได้ดึงดูดนักท่องเที่ยว 3.7 ล้านคน และทำรายได้ให้กับนิวยอร์กถึง 174 ล้านดอลลาร์
