เอเจนซี - ไมเคิล บลูมเบิร์ก นายกเทศมนตรีนครนิวยอร์ก ประกาศอภิมหาโปรเจกต์มูลค่า 20,000 ล้านดอลลาร์ เตรียมความพร้อมของนิวยอร์ก ซิตี ในการรับมือระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นรวมทั้งความร้อนระอุ ซึ่งเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในอีกไม่กี่ทศวรรษข้างหน้า
ข้อเสนอสุดอลังการนี้ ซึ่งอาจจะกลายเป็นมาตรฐานในการรับมือการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศสำหรับเมืองอื่นๆ ในอนาคต ออกมาภายหลังพายุใหญ่ “แซนดี้” สร้างความเสียหายอย่างกว้างขวางเมื่อปีที่แล้ว โดยมีเนื้อหาครอบคลุมข้อเสนอแนะ 250 รายการตั้งแต่กำแพงกั้นน้ำและทำนบกั้นพายุ ไปจนถึงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานและโทรคมนาคม
แผนการนี้ยังรวมถึงแนวคิดเรียบง่าย เช่น การสร้างชายหาดและการใช้เนินทรายและต้นไม้เป็นปราการธรรมชาติป้องกันน้ำท่วมชายฝั่ง
แม้แผนการระยะยาวที่ซับซ้อนบางส่วนเริ่มเตรียมการแล้ว แต่แผนการอื่นๆ ยังต้องรอการอนุมัติหรือการดำเนินการจากระดับมลรัฐหรือระดับรัฐบาลกลาง
รายงานที่สภาเมืองนิวยอร์กซิตีสั่งให้จัดทำขึ้นและเผยแพร่พร้อมกับข้อเสนอนี้ระบุว่า ในช่วง 40 ปีข้างหน้า จำนวนวันที่ร้อนระอุในฤดูร้อนอาจเพิ่มขึ้นเป็น 2-3 เท่าตัวของปัจจุบัน และทำให้นิวยอร์กซิตี้ร้อนอบอ้าวพอๆ กับเมืองเบอร์มิงแฮม มลรัฐแอละแบมา ในขณะนี้
และเมื่อถึงตอนนั้น ระดับน้ำทะเลที่ล้อมรอบนิวยอร์ก ซิตี อาจสูงขึ้นอย่างน้อย 2 ฟุต
แผนการของบลูมเบิร์กมีเป้าหมายเพื่อให้แน่ใจว่า ระบบรถไฟใต้ดิน การขนส่ง ท่อระบายน้ำและน้ำ สุขอนามัย พลังงาน และการกระจายอาหาร จะยังคงใช้งานได้ตามปกติสำหรับชาวเมือง 8 ล้านคนในอนาคต
บลูมเบิร์ก นายกเทศมนตรีนครนิวยอร์กกล่าวว่า นิวยอร์ก ซิตีสามารถและควรลงทุนที่จำเป็นเพื่อให้เมืองเข้มแข็งและต้านทานพายุหรือภัยพิบัติอื่นๆ ในอนาคตได้
เมืองแห่งนี้ล้อมรอบด้วยแนวชายฝั่งยาว 520 ไมล์ มากกว่าในไมอามี บอสตัน ลอสแองเจลิส และซานฟรานซิสโกรวมกัน ดังนั้น ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นเพียงเล็กน้อยจึงสามารถเป็นอันตรายต่อบ้านเรือนและสถานธุรกิจที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ต่ำได้
ปีที่ผ่านมา พายุแซนดี้คร่าชีวิตประชาชนกว่า 100 คนในมลรัฐนิวยอร์ก นิวเจอร์ซีย์ และคอนเนตทิคัต ทำให้อาคารสถานที่หลายล้านแห่งไม่มีไฟฟ้าใช้ และสร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินและเศรษฐกิจของนิวยอร์กซิตีราว 19,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งบลูมเบิร์กชี้ว่า ตัวเลขอาจสูงขึ้นเกือบ 5 เท่าตัวหากแซนดี้ถล่มเมืองในช่วงกลางศตวรรษนี้ เนื่องจากเมื่อถึงตอนนั้นระดับน้ำทะเลจะสูงขึ้นด้วย
มาร์ก เวย์ ผู้รับผิดชอบซัสเทนนาบิลิตี อเมริกา สวิส รี และเป็นเจ้าของโมเดลจำลองความเสียหายจากภัยพิบัติที่นิวยอร์ก ซิตีใช้เป็นพื้นฐานในการวิเคราะห์แผนการรับมือครั้งนี้ กล่าวว่า การดำเนินการตามแผนการของบลูมเบิร์กถือเป็นขั้นตอนสำคัญในการปรับปรุงความยืดหยุ่นของเมือง
นอกจากกำแพงกั้นน้ำใหม่ ระบบเนินทรายและคันกั้นน้ำริมทะเลแล้ว แผนการนี้ยังครอบคลุมเงินกู้และเงินช่วยเหลือเพื่อช่วยประชาชนสร้างบ้านเรือนให้แข็งแรงและสามารถรับมือน้ำท่วมได้มากขึ้น รวมทั้งการเสนอแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับการก่อสร้าง
นอกจากนี้ยังมีการเสนอกฎใหม่เพื่อกำหนดระยะเวลาที่บริษัทสาธารณูปโภคจะต้องฟื้นการจ่ายพลังงานภายหลังภัยพิบัติธรรมชาติ รวมทั้งแผนการจัดหาเชื้อเพลิงเมื่ออุปทานติดขัด และการแตกแขนงแหล่งพลังงาน
องค์ประกอบบางส่วนของแผนการมีแนวโน้มแล้วเสร็จภายในปีนี้ ขณะที่องค์ประกอบอื่นๆ อาจยืดเยื้อหลายสิปปี โดยที่บลูมเบิร์กนั้นจะยังคงอยู่ในตำแหน่งอีกเพียง 200 วัน แผนการนี้จึงต้องได้รับการสนับสนุนจากคณะบริหารนิวยอร์ก ซิตีชุดต่อๆ ไป
ในส่วนเงินทุน ส่วนหนึ่งจะมาจากเงินทุนที่จัดสรรไว้สำหรับปรับปรุงเมือง และกองทุนบรรเทาภัยพิบัติหลังพายุแซนดี้ที่รัฐสภาสหรัฐฯ อนุมัติแล้ว อย่างไรก็ดี นิวยอร์ก ซิตีอาจขาดแคลนเงินอีกอย่างน้อย 4,500 ล้านดอลลาร์ ทำให้ต้องชะลอ ทบทวนหรือยกเลิกข้อเสนอบางส่วน หากไม่สามารถหางบประมาณมาอุดช่องโหว่ได้
ผู้สังเกตการณ์บางคนคิดว่า แผนการนี้แพงเกินไป เช่น เจอโรน เอิร์ตส์ ศาสตราจารย์ด้านบริหารจัดการความเสี่ยงต่อสภาพแวดล้อม มหาวิทยาลัยวียูในอัมสเตอร์ดัม และที่ปรึกษาของนิวยอร์ก ซิตีที่ร่วมทำรายงานตัวเลือกระบบป้องกันน้ำท่วมนิวยอร์กเมื่อเดือนที่แล้ว คิดว่าบลูมเบิร์กจะเสนอแผนมูลค่าเพียง 11,600 ล้านดอลลาร์เท่านั้น
