เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - ทางการเอกวาดอร์เผย ได้รับคำร้องขอลี้ภัยทางการเมืองจากนายเอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน ขณะเจ้าหน้าที่อเมริกันเรียงหน้าฉะจีน-รัสเซียสมรู้ร่วมคิดปล่อยอดีตลูกจ้างบริษัทรับเหมาสัญญาของเอ็นเอสเอและซีไอเอรายนี้ บินหนีออกจากฮ่องกงอย่างอิสระ ท่ามกลางรายงานข่าวว่าสโนว์เดนเตรียมมุ่งหน้าไปยังกรุงฮาวานาของคิวบาเป็นที่หมายต่อไป
สโนว์เดนขึ้นเครื่องของสายการบินแอโรฟล็อตมุ่งหน้าสู่กรุงมอสโกเมื่อวันอาทิตย์ (23) หลังทางการฮ่องกงอ้างว่า หมายจับของสหรัฐฯ ไม่มีข้อมูลเพียงพอ และริการ์โด ปาตินโญ อโรกา รัฐมนตรีต่างประเทศเอกวาดอร์ เผยผ่านทวิตเตอร์ระหว่างเดินทางเยือนเวียดนามว่า สโนว์เดนขอลี้ภัยการเมืองในประเทศของตน และรัฐบาลเอกวาดอร์จะพิจารณาเรื่องดังกล่าวอย่างรอบคอบ ท่ามกลางรายงานข่าวว่าสโนว์เดนได้จองตั๋วเครื่องบินจากกรุงมอสโกเพื่อเตรียมมุ่งหน้าไปยังกรุงฮาวานาของคิวบา ดินแดนคอมมิวนิสต์กลางทะเลแคริบเบียนในวันจันทร์ (24)
ล่าสุด จอห์น เคร์รีย์ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ที่เพิ่งเดินทางถึงกรุงนิวเดลีของอินเดีย แถลงว่ารัฐบาลอเมริกันจะถือว่าเป็นปัญหาใหญ่หลวง หากทางการจีนและรัสเซียรู้เห็นเป็นใจกับแผนการเดินทางของสโนว์เดน
ขณะที่ไดแอนน์ ไฟน์สไตน์ ประธานคณะกรรมาธิการข่าวกรองวุฒิสภาสหรัฐฯประกาศว่าการตามล่าสโนว์เดนได้เริ่มขึ้นแล้ว พร้อมแสดงความเห็นว่า ผู้บริหารเขตปกครองพิเศษฮ่องกงคงไม่ปล่อยสโนว์เดนออกนอกเกาะ ถ้าไม่ได้รับไฟเขียวจากปักกิ่ง ขณะที่เจน พีซากี โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นกรณีที่มีข่าวว่า สหรัฐฯ เพิกถอนหนังสือเดินทางของสโนว์เดน เพียงแต่บอกว่าตามกฎหมายของอเมริกา ผู้ที่มีหมายจับข้อหาอุกฉกรรจ์จะต้องถูกเพิกถอนหนังสือเดินทาง ซึ่งสำหรับกรณีของสโนว์เดนนั้นไม่ควรได้รับอนุญาตให้เดินทางไปประเทศอื่นใด นอกจากส่งตัวกลับสหรัฐฯ เท่านั้น
ชาร์ลส์ ชูเมอร์ วุฒิสมาชิกนิวยอร์กจากพรรคเดโมแครต ชี้ว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซีย อาจรับรู้และอนุมัติการเดินทางของสโนว์เดน ส่วนปีเตอร์ คิง ส.ส.รีพับลิกันจากรัฐเดียวกันที่ทำงานในคณะกรรมาธิการข่าวกรองของสภาล่างและคณะกรรมการด้านความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ สำทับว่า การตัดสินใจของฮ่องกงและจีนในการปล่อยตัวสโนว์เดนหลังจากได้รับคำร้องขอให้ส่งตัวเท่ากับเป็นการตบหน้าอเมริกาโดยตรง
ทว่า ดมิทรี เพสคอฟ โฆษกของปูตินที่เคยกล่าวว่า เครมลินอาจพิจารณาให้สโนว์เดนลี้ภัยทางการเมือง ยืนยันว่าไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับแผนการเดินทางของผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีอเมริกันผู้นี้ ขณะที่กระทรวงต่างประเทศรัสเซียระบุเพียงว่า ได้รับรายงานว่าสโนว์เดนจะแวะเปลี่ยนเครื่องที่มอสโกเท่านั้น
สำนักข่าวอาร์ไอเอ โนโวสตีของทางการรัสเซียรายงานโดยอ้างคำบอกเล่าของผู้เห็นเหตุการณ์ว่ามีรถติดป้ายทะเบียนสถานทูตไปรับสโนว์เดนจากเครื่องบินในสนามบินมอสโก
ขณะเดียวกันยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าในความเป็นจริงแล้ว สโนว์เดนต้องการเดินทางไปยังประเทศใดเป็นที่หมายสุดท้ายเพื่อลี้ภัย หลังมีข่าวแพร่สะพัดระบุถึงชื่อของหลายประเทศทั้งคิวบา เอกวาดอร์ และเวเนซุเอลา
สโนว์เดนเดินทางออกจากฮ่องกงสองวันหลังจากที่ทางการสหรัฐฯเปิดเผยว่า อัยการยื่นข้อกล่าวหาเขาต่อศาลในรัฐเวอร์จิเนีย ซึ่งรวมถึงการโจรกรรมข้อมูลลับของรัฐบาลสหรัฐฯ และการเผยแพร่ข้อมูลลับเกี่ยวกับโปรแกรมการเก็บข้อมูลการใช้โทรศัพท์ รวมถึงการติดตามการใช้อินเทอร์เน็ตของชาวต่างชาติที่สงสัยว่าเป็นผู้ก่อการร้าย ซึ่งมีโทษจำคุกรวม 20 ปี
อนึ่ง ก่อนออกจากฮ่องกง สโนว์เดนได้ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์เซาท์ไชน่า มอร์นิ่งโพสต์ว่า อเมริกาเจาะระบบคอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัยซิงหัวในปักกิ่ง ซึ่งเป็นที่ตั้งโครงข่ายสำคัญ 1 ใน 6 แห่งสำหรับอินเทอร์เน็ตทั่วประเทศจีน รวมถึงสำนักงานใหญ่ในฮ่องกงของแพ็คเน็ตที่ให้บริการเคเบิลใยแก้วนำแสงในเอเชียแปซิฟิก
ดังนั้น นอกจากจะอธิบายเหตุผลที่ไม่กักตัวสโนว์เดนแล้ว ทางการฮ่องกงยังขอให้วอชิงตันชี้แจงเกี่ยวกับรายงานข่าวดังกล่าว และระบุว่าจะติดตามผลเรื่องนี้ต่อไปเพื่อปกป้องสิทธิตามกฎหมายของชาวฮ่องกง
ขณะเดียวกัน โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีน หัว ชุนอิง แถลงผ่านเว็บไซต์ของกระทรวงฯว่า จีนกังวลมากกับข่าวดังกล่าวและได้ทำการประท้วงทางการทูตต่ออเมริกาแล้ว
ในการสัมภาษณ์และตอบข้อซักถามบนเว็บไซต์หนังสือพิมพ์การ์เดียนของอังกฤษก่อนหน้านี้ สโนว์เดนเผยว่า ที่ออกมาเปิดโปงโปรแกรมเก็บข้อมูลของสำนักงานความมั่นคง (เอ็นเอสเอ) และหน่วยงานข่าวกรองอื่นของสหรัฐฯ เพราะเชื่อว่าการกระทำดังกล่าวละเมิดสิทธิของพลเมืองอเมริกัน และเป็นความผิดทางอาญาขั้นรุนแรง
สโนว์เดนที่เคยทำงานให้บริษัทที่เป็นผู้รับเหมาสัญญาของเอ็นเอสเอ รวมถึงเคยเป็นลูกจ้างของสำนักงานข่าวกรองกลางของสหรัฐฯ (ซีไอเอ) ยังเผยว่าสหรัฐฯ ดักฟังการสนทนาลับของอดีตประธานาธิบดีรัสเซีย ดมิทรี เมดเวเดฟ ขณะร่วมประชุมสุดยอดจี20 ในลอนดอนปี 2009 รวมทั้งตรวจสอบการใช้โทรศัพท์และคอมพิวเตอร์ของผู้นำประเทศอื่นๆ ในที่ประชุมดังกล่าว
