เอเอฟพี - กองทัพอินเดียเมื่อวันพฤหัสบดี(20) พยายามเข้าไปให้ถึงหมู่บ้านและเมืองต่างๆทางเหนือของประเทศ ที่โดนอุทกภัยและดินถล่มเล่นงานจนถูกตัดขาดจากโลกภายนอก ขณะที่เจ้าหน้าที่กังวลว่าอาจมีชาวบ้านกว่า 1,000 คนที่ต้องสังเวยชีวิตในภัยพิบัติน้ำท่วมใหญ่คราวนี้
เฮลิคอปเตอร์หลายสิบลำและทหารเกือบ 10,000 นายถูกส่งเข้าประจำการช่วยเหลือนักท่องเที่ยวและเหล่าผู้แสวงบุญที่ติดค้างตามจุดต่างๆ หลังจากอุตตราขัณฑ์ ซึ่งตั้งอยู่ตามแถบเทือกเขาหิมาลัย ต้องประสบปัญหาอุทกภัยตามหลังภาวะฝนตกหนักช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
กระทรวงมหาดไทยระบุในถ้อยแถลงจนถึงตอนนี้เจ้าหน้าที่สามารถช่วยเหลือผู้คนออกมาได้แล้วกว่า 22,400 คน หลังสภาพอากาศเป็นใจ อย่างไรก็ตามยังเหลืออีกราวๆ 62,000 คนที่ยังตกค้าง "เป้าหมายสำคัญของเราคือส่งเฮลิคอปเตอร์นำเด็กและสตรีออกมาก่อน" อาเจย์ ชาดา ผู้บังคับการตำรวจชายแดนอินโด-ทิเบต บอก "ผมหวังช่วยเหลือทุกชีวิต จากนั้นค่อยเริ่มค้นหาศพ"
รถยนต์ บ้านเรือนและอาคารพังพินาศจากดินถล่มหรือไม่ก็ถูกซัดหายไปตามกระแสน้ำ ส่วนสะพานและถนนแคบๆที่มุ่งไปสู่เมืองแห่งการแสวงบุญก็ได้รับความเสียหายจนถูกตัดขาดจากโลกภายนอก
รัฐอุตตราขัณฑ์มีฝนตกหนักกว่าปกติกว่า 4 เท่าตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่รัฐแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งพระผู้เป็นเจ้า สืบเนื่องจากมีศาสนสถานและวัดฮันดูตั้งอยู่มากมายและดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมาก
"พวกเราราวๆ 3,000 คนติดอยู่ในแกงโกทริ(แหล่งแสวงบุญ) มาหลายวันแล้ว ไม่มีอาหาร ไม่มีน้ำดื่มหรือคำรับประกันจากรัฐบาล" นักแสวงบุญรายหนึ่งบอก "มันยากมากที่จะย้ายออกจากที่นี่"
สื่อมวลชนรายงานว่าตัวเลขผู้เสียชีวิตจากวิกฤตน้ำท่วมและดินถล่มทั่วรัฐอุตตราขัณฑ์และอีก 2 รัฐใกล้เคียง อยู่ที่อย่างน้อย 138 คน แต่เจ้าหน้าที่เตือนว่าตัวเลขที่แท้จริงอาจสูงกว่า 1,000 คน "เราคาดหมายว่าน่าจะมีผู้เสียชีวิตราวๆ 1,000 คน ขณะที่สามารถพบเห็นศพกระจัดกระจายอยู่กลาดเกลื่อน"
กระนั้นทางอัยการรัฐอุตตราขัณฑ์ บอกว่าตัวเลขเหยื่อน่าจะสูงถึง 2,000 คน และยอดผู้เสียชีวิตที่ยังคงสับสนนี้ ย้ำให้เห็นถึงความยากลำบากในการเข้าถึงพื้นที่ต่างๆที่อยู่ห่างไกล ทำให้ทางเจ้าหน้าที่จัดการภัยพิบัติยังไม่ขอยืนยันตัวเลขอย่างเป็นทางการใดๆ
ปฏิบัติการช่วยเหลือของทหารพุ่งเป้าไปที่การเข้าถึงพื้นที่วัดเกดารนาถ ท่ามกลางการเฝ้ารอฟังข่าวอย่างใจจดใจจ่อของญาติมิตรที่เมืองเดราดูน เมืองหลวงของรัฐอุตตราขัณฑ์ ขณะที่ผู้ที่ได้รับความช่วยเหลือออกมาแล้วบางส่วนเล่าว่าผู้คนต่างตะเกียกตะกายขึ้นไปอยู่พื้นที่สูงเพื่อหนีกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก และทำได้แค่มองอาคารต่างๆ รถยนต์ หรือแม้แต่ศพคนถูกกระแสน้ำซัดหายไป แบบจนปัญหาช่วยเหลือ
รัฐบาลเผยว่าทหารเกือบ 10,000 นายและกองกำลังตอบสนองภัยพิบัติแห่งชาติ 13 ทีม ถูกส่งเข้าช่วยเหลือและปฏิบัติการบรรทุกผู้ประสบภัยทางเหนือของประเทศ ด้วยเจ้าหน้าที่ทหารอาสาสมัครช่วยกันสร้างสะพานเชือกและสะพานท่อนซุงตามจุดต่างๆสำหรับข้ามแม่น้ำที่ไหลเชี่ยวเพื่อเข้าให้ถึงผู้ที่ติดค้าง
นอกจากนี้แล้วยังมีการจัดตั้งค่ายพักพิงชั่วคราวสำหรับผู้อพยพและนักท่องเที่ยว โดยเฮลิคอปเตอร์ราว 22 ลำ ถูกส่งเข้าไปลำเลียงผู้ที่ติดค้างมายังค่ายต่างๆเหล่านี้ พร้อมกันนั้นยังดำเนินการนำอาคารและเครื่องบรรเทาทุกข์ 14 ตัน ไปหย่อนลงตามจุดต่างๆผู้ช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ห่างไกลด้วย
ฤดูมรสุมของอินเดีย ปกติแล้วจะอยู่ในช่วงเดือนมิถุนายนถึงกันยายนและบางครั้งก็นำมาซึ่งปัญหาอุทกภัย อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ดูเหมือนว่าภาวะฝนตกหนักจะมาเร็วกว่ากำหนด จนสร้างความประหลาดใจแก่ผู้คนจำนวนมาก โดยข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยาของประเทศพบว่าจนถึง ณ ตอนนี้ อินเดียมีฝนตกมากกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนถึงร้อยละ 68
ข้ามฝั่งชายแดนไปที่เนปาล ชาติเพื่อนบ้าน ก็พบว่าภาวะฝนตกหนักที่จุดชนวนวิกฤตน้ำท่วมและดินถล่มก็คร่าชีวิตชาวบ้านอย่างต่ำ 39 รายในพื้นที่ห่างไกลของประเทศ
