เอเอฟพี - พายุฝนฟ้าหน่ำนำมาซึ่งอุทกภัยร้ายแรงทางภาคเหนือของอินเดีย ด้วยบ้านเรือนกว่าร้อยหลังและถนนหลายสายถูกซัดหายไปกับกระแสน้ำ ส่วนยอดผู้เสียชีวิตล่าสุดอยู่ที่ 64 รายและหลายพันคนคิดค้าง จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่เมื่อวันอังคาร (18) ขณะที่ฤดูมรสุมของแดนโรตีปีนี้มาเร็วเกินความคาดหมาย
กองทัพอากาศอินเดียส่งเฮลิคอปเตอร์หลายสิบลำ เข้าเสริมปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในรัฐอุตตราขัณฑ์ พื้นที่ซึ่งได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุด ขณะที่เจ้าหน้าที่รัฐบาลท้องถิ่นในเดห์ราดูน เมืองหลวงของรัฐ ยอมรับว่าดินแดนแห่งนี้ถูกภัยพิบัติทางธรรมชาติทำลายย่อยยับ
“จนถึงตอนนี้เราพบผู้เสียชีวิตแล้ว 54 คนและอีก 17 คนยังสูญหาย” เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสำนักงานจัดการภัยพิบัติบอกกับเอเอฟพี “สถานการณ์เลวร้ายมาก อาคารกว่า 600 แห่งพังถล่มหรือไม่ก็ถูกกระแสน้ำซัดไป และมีประชาชนราว 75,000 คน ในนั้นรวมถึงนักแสวงบุญที่ติดค้างตามสถานที่ต่างๆ”
เจ้าหน้าที่รายนี้เผยว่าว่าเฮลิคอปเตอร์ของทหารกำลังรุดเข้าช่วยเหลือผู้ติดค้างเหล่านั้น “แน่นอนว่าเรายังไม่สามารถเข้าถึงพื้นที่เหล่านั้นได้” ขณะที่ถ้อยแถลงของกองทัพเสริมว่าเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพอากาศกำลังลำเลียงบุคลากร เครื่องมือและสิ่งบรรเทาทุกข๋ทางการแพทย์ไปยังพื้นที่ และฐานทัพอากาศ 5 แห่งทางภาคเหนือของอินเดีย กำลังเร่งรัดปฏิบัติการอย่างเต็มกำลัง
ภาพข่าวของสถานีโทรทัศน์เผยให้เห็นสะพาน บ้านเรือนและตึกหลายชั้น พังครืนและถูกซัดหายไปกับกระแสน้ำ ขณะที่รูปปั้นยักษ์พระศิวะที่เมืองฤๅษีเกศ ศูนย์กลางแห่งการท่องเที่ยวในรัฐอุตตราขัณฑ์ จมอยู่ใต้บาดาลมีแค่ส่วนของเศียรเท่านั้นที่โผล่ขึ้นมาเหนือน้ำ
ระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นในบางเมืองยังซัดรถยนต์ รถตักดินหรือแม้แต่เฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งที่จอดอยู่ ลอยไปตามกระแสน้ำ อันเป็นผลมาจากฝนฟ้าที่เริ่มเทกระหน่ำลงมาทั่วภาคเหนือของอินเดีย ตั้งแต่เมื่อวันเสาร์ (15) นอกจากนี้ยังพบเห็นถนนหลายสายถูกตัดขาดและมีรายงานนักแสวงบึญหลายร้อยคนติดค้างอยู่กลางทางระหว่างไปสักการะสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่งในพื้นที่ห่างไกล
ทางการต้องสั่งยกเลิกทริปเดินทางพานักแสวงบุญไปยัสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ของรัฐ อันได้ชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งพระผู้เป็นเจ้า สืบเนื่องจากมีศาสนสถานและวัดฮันดูตั้งอยู่เป็นจำนวนมาก เหตุเพราะความกังวลว่าอาจมีฝนตกลงมาและเกิดดินถล่มเพิ่มเติม ขณะเดียวกันก็พบเห็นสัตว์ป่าชนิดต่างๆ รวมไปถึงกวาง ตะเกียกตะกายต่อสู้กับกระแสน้ำเพื่อเอาชีวิตรอด
“เป้าหมายของเราในตอนนี้คือปกป้องชีวิตให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วค่อยประเมินขอบเขตความเสียหายในภายหลัง” เจ้าหน้าที่บอก ขณะที่รัฐบาลของรัฐกำลังเร่งมือปฏิบัตินำหีบห่ออาหารและน้ำดื่มขึ้นเฮลิคอปเตอร์ ไปทิ้งในพื้นที่ประสบภัยโดยเฉพาะในหมู่บ้านต่างๆ ที่อยู่ห่างไกล
ในรัฐหิมาจัลประเทศ ที่อยู่ติดกัน ยอดผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับพายุฝนอยู่ที่ 10 คน และมีรายงานประชาชนราว 1,500 คน ในนั้น 150 คนเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ ติดค้างตามจุดต่างๆ ภายในรัฐ อันเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวยอดนิยม โดยเจ้าหน้าที่บริหารระดับสูงของเขตคินนัวร์ บอกว่าเวลานี้กำลังพยายามกลับมาเปิดถนนสายหลักให้ได้ เพื่อเข้าช่วยเหลือผู้ที่ถูกตัดขาดเหล่านั้น
ฤดูมรสุมของอินเดีย ปกติแล้วจะอยู่ในช่วงเดือนมิถุนายนถึงกันยายนและบางครั้งก็นำมาซึ่งปัญหาอุทกภัย อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ดูเหมือนว่าภาวะฝนตกหนักจะมาเร็วกว่ากำหนด จนสร้างความประหลาดใจแก่ผู้คนจำนวนมาก โดยข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยาของประเทศพบว่าจนถึง ณ ตอนนี้ อินเดียมีฝนตกมากกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนถึงร้อยละ 68