เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-กลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อสิ่งแวดล้อม “กรีนพีซ” เผยไอซ์แลนด์หันกลับมาล่า “วาฬฟิน” ในเชิงพาณิชย์อีกครั้งหลังยุติการล่าไปนานกว่า 2 ปี คาดเตรียมส่งออกเนื้อวาฬชนิดนี้ไปยังญี่ปุ่นหลังเศรษฐกิจแดนปลาดิบและความต้องการเนื้อวาฬในญี่ปุ่นเริ่มฟื้นตัวเพราะผลจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ“อาเบะโนมิกส์”
รายงานซึ่งอ้างข้อมูลจากกลุ่มกรีนพีซระบุว่า พบการล่าวาฬฟินตัวแรกในรอบ 2 ปี นอกชายฝั่งเมืองควาลฟีโยร์เธอร์ของไอซ์แลนด์ โดยเรือล่าวาฬที่ใช้ชื่อว่า “Hvalur 8” ซึ่งวาฬฟินตัวที่โชคร้ายนี้ถูกหั่นออกเป็นชิ้นๆทันทีที่ถูกลากขึ้นจากทะเลเพื่อเตรียมส่งออกเนื้อของมันไปยังญี่ปุ่น ถือเป็นข่าวร้ายสำหรับบรรดานักอนุรักษ์รวมถึงสายพันธุ์ของวาฬฟิน ที่ได้ชื่อว่า เป็นสัตว์ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของโลกรองจากวาฬสีน้ำเงิน และถูกจัดให้เป็นสายพันธุ์สัตว์ที่ถูกคุกคามอย่างหนัก ใน “บัญชีแดง”ของสหภาพระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ(IUCN)
ข้อมูลของกรีนพีซซึ่งส่งสายสืบแฝงตัวเข้าไปในกลุ่มนักล่าวาฬในไอซ์แลนด์ระบุว่า อาจมีวาฬฟินมากถึง 180 ตัวที่ต้องถูกล่าในน่านน้ำของไอซ์แลนด์ภายในปีนี้ หลังจากมีการล่าวาฬฟิน 7 ตัวในปี 2006, 125 ตัวในปี 2009 และ 148 ตัวในปี 2010 โดยไอซ์แลนด์เป็นหนึ่งในประเทศ ที่ยังคงไม่ให้การรับรองต่อข้อกำหนดเรื่องการห้ามล่าวาฬของคณะกรรมการล่าวาฬระหว่างประเทศ (IWC)
ทั้งนี้ การล่าวาฬฟินในไอซ์แลนด์ได้ยุติลงไปนานกว่า 2 ปีนับตั้งแต่ปี 2011 เป็นต้นมา ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเศรษฐกิจของญี่ปุ่นซึ่งเป็นตลาดรับซื้อเนื้อวาฬฟินรายใหญ่ที่สุด ประสบภาวะซบเซาหลังประสบพิบัติภัยสึนามิเมื่อเดือนมีนาคม ปี 2011 แต่นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่ที่เรียกว่า “อาเบะโนมิกส์” ของรัฐบาลนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะได้ทำให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลกกลับมาคึกคักอีกครั้ง และมีผลให้เกิดความต้องการบริโภคเนื้อวาฬมากขึ้นตามมา