เอเอฟพี/ เอเจนซีส์ - หมอกควันจากไฟป่าในประเทศอินโดนีเซียส่งผลให้ค่ามลพิษทางอากาศในสิงคโปร์เมื่อวันอังคาร (18) ยังคงอยู่ในเกณฑ์ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ โดยทั้งสองประเทศต่างโทษกันและกันว่าเป็นต้นเหตุของปัญหาสิ่งแวดล้อมครั้งนี้
ดัชนีชี้วัดค่ามาตรฐานมลพิษที่สิงคโปร์ในเวลาเปิดทำการอยู่ที่ 115 โดยเกินระดับ 100 ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่เริ่มเป็นอันตรายต่อสุขภาพ แต่ยังน้อยกว่าค่าสูงสุดเมื่อคืนวันจันทร์ (17) ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เกาะสิงคโปร์ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกควัน
อย่างไรก็ตาม ในวันอังคาร (18) ชาวสิงคโปร์ส่วนมากสามารถมองเห็นท้องฟ้าสดใส แม้จะยังคงมีกลิ่นไหม้จากไฟป่าตกค้างอยู่บ้าง
ทางด้านกระทรวงแรงงานได้ออกมากระตุ้นให้นายจ้างแจกหน้ากากป้องกันมลพิษให้กับพนักงานที่เป็นโรคหัวใจ และมีปัญหาทางระบบทางเดินหายใจ ตลอดจนผู้ที่ทำงานกลางแจ้ง อีกทั้งเตือนให้ผู้สูงอายุและเด็กหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายกลางแจ้ง
ดัชนีชี้วัดมลพิษได้พุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุดที่ 155 ในกลางดึกของคืนวันจันทร์ ซึ่งถือเป็นค่าสูงสุดนับตั้งแต่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ประสบกับวิกฤตหมอกควันอย่างยาวนานในปี 1997-1998 แต่ปัญหามลพิษบรรเทาลงมากเมื่อถึงตอนเช้าของวันใหม่
เมื่อวันจันทร์ (18) สิงคโปร์เร่งให้อินโดนีเซียใช้มาตรการฉุกเฉินเพื่อจัดการกับปัญหาไฟป่าในประเทศ เนื่องจากหมอกควันที่ฟุ้งกระจายออกมาจากเกาะสุมาตราได้ส่งผลกระทบต่อสภาพอากาศในประเทศสิงคโปร์ ซึ่งมีประชากรอาศัยอยู่กันอย่างหนาแน่น รวมถึงยังสร้างปัญหาในหลายๆ ส่วนของมาเลเซียด้วย
ปรากฏว่าทางด้านกระทรวงป่าไม้แดนอิเหนา แถลงว่าเจ้าหน้าที่ดับไฟป่ากำลังเข้าจัดการกับปัญหาแล้ว และหากผู้ว่าราชการส่วนท้องถิ่นขอร้อง ก็จะส่งเครื่องบินไปช่วยทิ้งน้ำโดยทันที
เฮดี ดาร์ยันโต เจ้าหน้าที่กระทรวงคนหนึ่ง ยังได้ออกมากล่าวโทษมาเลเซียและสิงคโปร์ว่า บริษัทปลูกปาล์มน้ำมันของทั้ง 2 ประเทศที่มาลงทุนในอินโดนีเซียก็มีส่วนต้องรับผิดชอบในครั้งนี้
“ไม่ได้มีแต่เกษตรกรชาวอินโดนีเซียเท่านั้น ที่นิยมเผาต้นไม้ทิ้งหลังจากตัด เพราะเป็นวิธีเคลียร์พื้นที่ซึ่งประหยัด แต่ลูกจ้างของบริษัทสวนปาล์มน้ำมันของสิงคโปร์และมาเลเซียก็ทำแบบนี้เช่นเดียวกัน” เขากล่าว
“เราหวังว่ารัฐบาลของมาเลเซียและสิงคโปร์จะบอกนักลงทุนให้หามาตรการที่เหมาะสมเพื่อใช้แก้ปัญหานี้ด้วยกัน”
สื่อสิงคโปร์รายงานเมื่อวันอังคารที่ (18) ว่า วิเวียน บาลักริชนาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรน้ำ กล่าวเปรยๆ ถึงแดนอิเหนาว่า “อินโดนีเซียกำลังอนุญาตให้พวกนักธุรกิจละเลยปัญหาทางสิ่งแวดล้อมได้” จากนั้นเขาได้ย้ำข้อเสนอที่สิงคโปร์พร้อมส่งกำลังทหารและฝ่ายป้องกันภัยพลเรือน ซึ่งรวมถึงนักดับเพลิงซึ่งมีระบบและอุปกรณ์ที่ทันสมัยไปช่วยดับไฟป่าในอินโดนีเซีย
ทั้งนี้ในปี 2004 สิงคโปร์เคยส่งกำลังทหารไปให้ความช่วยเหลือในเขตปกครองพิเศษอาเจะห์ หลังจากที่พื้นที่ดังกล่าวประสบกับมหาพิบัติภัยสึนามิ