xs
xsm
sm
md
lg

สิงคโปร์-มาเลเซีย เผชิญวิกฤตหมอกควันพิษรอบใหม่จากไฟป่าอินโดนีเซีย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอเอฟพี/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - หมอกควันที่เกิดจากไฟป่าบนเกาะสุมาตราของอินโดนีเซีย ได้แพร่กระจายปกคลุมน่านฟ้าของประเทศเพื่อนบ้านทั้งสิงคโปร์และมาเลเซียอีกครั้ง ซ้ำรอยวิกฤตควันพิษที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา

รายงานข่าวระบุว่า ในวันจันทร์ (17) สิงคโปร์ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกควันพิษที่เกิดจากไฟจากการเผาป่าบนเกาะสุมาตราของอินโดนีเซีย โดยดัชนีตรวจวัดมาตรฐานความเข้มข้นของมลพิษ(PSI) ล่าสุดพบระดับของมลพิษทางอากาศเหนือน่านฟ้าสิงคโปร์พุ่งแตะระดับที่ 80 จาก 500 จุดแล้ว ซึ่งทางสำนักงานสิ่งแวดล้อมแห่งชาติสิงคโปร์ระบุว่า หากดัชนีดังกล่าวพุ่งสูงเกินกว่า 100 จุดจะถือว่าอยู่ระดับที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์ทันที

อย่างไรก็ดี มีรายงานว่าหมอกควันระลอกแรกจากไฟป่าในอินโดนีเซียยังไม่เป็นอุปสรรคต่อการสัญจรตามท้องถนนในย่านธุรกิจของสิงคโปร์ รวมถึงยังไม่ส่งผลต่อการเดินทางด้วยเครื่องบินเช่นกัน ขณะที่โรงเรียนในสิงคโปร์ก็กำลังอยู่ในช่วงวันหยุดประจำปีจึงไม่มีผลกระทบมากนัก

อย่างไรก็ดี ทางการออกประกาศเตือนให้ผู้ป่วยด้วยโรคที่เกี่ยวกับหัวใจและปอดรวมถึงผู้สูงอายุที่อายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไปและเด็กให้ลดทอนระยะเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง

แม้ระดับของมลพิษทางอากาศในสิงคโปร์จากผลของไฟป่าที่อินโดนีเซียจะยังไม่อยู่ในระดับที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ แต่สถานการณ์ในมาเลเซียกลับเลวร้ายยิ่งกว่า เนื่องจากหมอกควันพิษจากแดนอิเหนาที่ลอยเข้ามาปกคลุมน่านฟ้าแดนเสือเหลืองตั้งแต่ช่วงสุดสัปดาห์ได้เข้าสู่ระดับ 102-121 ตามดัชนีพีเอสไอแล้วในวันจันทร์ (17) โดยพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดคือ รัฐปาหัง ตรังกานู และมะละกา

ส่วนในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ความเข้มข้นของหมอกควันพิษได้พุ่งขึ้นอยู่ที่ระดับ 82 จุด แต่ยังไม่มีผลกระทบมากนักต่อการจราจรทั้งทางบกและทางอากาศ

ทั้งนี้ แม้รัฐบาลอินโดนีเซียจะประกาศให้การเผาป่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย แต่ความหย่อนยานในการบังคับใช้กฏหมายทำให้ชาวบ้านยังคงเดินหน้าเผาป่ากันเป็นประจำทุกปี เพื่อเตรียมพื้นที่เพาะปลูกในฤดูกาลใหม่

ก่อนหน้านี้ในช่วงปี 1997-1998 ไฟจากการเผาป่าที่อินโดนีเซีย ได้ทำให้เกิดวิกฤตหมอกควันปกคลุมหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวมถึงประเทศไทย สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจคิดเป็นวงเงินไม่ต่ำกว่า 9,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 276,150 ล้านบาท) จากการที่กิจกรรมทางทางธุรกิจและการเดินทางสัญจรต้องหยุดชะงัก



กำลังโหลดความคิดเห็น