โพลชี้ : คนอเมริกัน “อนุญาต” ให้รัฐบาลมะกัน “มอนิเตอร์ข้อมูลส่วนตัวได้”

เอเจนซีส์ - สำนักวิจัยพิวได้สำรวจความคิดเห็นชาวอเมริกันในช่วงวันที่ 6-7 มิถุนายน ที่ผ่านมาหลังการเปิดเผยความลับของหน่วยงานมั่นคงสหรัฐฯขึ้น การศึกษาค้นพบว่าชาวอเมริกันเกินครึ่งพอใจที่จะแลกความเป็นส่วนตัวกับความปลอดภัยทางด้านถูกโจมตีด้วยผู้ก่อการร้าย โดยการอนุญาตให้รัฐบาลสหรัฐฯใช้โปรแกรมที่คอยมอนิเตอร์ช่องทางการสื่อสารอย่างละเอียด

จากผลสำรวจพบว่าราว 56% ของชาวอเมริกัน “ยอมรับ” ที่จะให้ NSAไปเอา “หมายศาลจากศาลพิเศษเพื่อแกะรอยจากหมายเลขโทรศัพท์นับหลายล้านเบอร์เพื่อสืบสวนการก่อการร้าย” ในขณะที่ 41% ปฎิเสธไม่เห็นด้วย

และเมื่อมาถึงคำถามเกี่ยวกับการอนุญาตให้มอนิเตอร์อีเมลย์ สำนักวิจัยพิวได้ถามแบบเจาะจงว่า “ควรหรือไม่ที่รัฐบาลสหรัฐฯคอยสอดส่องอีเมลย์ของทุกคนที่อยู่ในประเทศอเมริกาเพื่อป้องกันการก่อการร้ายที่อาจเกิดขึ้น “เป็นระยะเวลาหลายปี” ซึ่งในปี 2002 มีราว 45%ของพลเมืองอเมริกันที่สนับสนุนการที่สหรัฐฯมอนิเตอร์อีเมลย์ของพวกเขา ในขณะที่ 47% เห็นตรงกันข้าม และในปี 2013 มีจำนวน 45% ที่ยังคงสนับสนุนการมอนิเตอร์อีเมลย์ในขณะที่จำนวนผู้ไม่เห็นด้วยกลับเพิ่มสูงถึง 52%

นอกจากนี้ เมื่อโพลสำรวจถามประชาชนชาวอเมริกันในการให้น้ำหนักความสำคัญระหว่างความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยโดยรวม ผลที่ได้พบว่า 62% ของผู้ตอบแบบสอบถามสนับสนุน “การสืบสวนหาต้นตอการก่อการร้าย” มากกว่า “การบุกรุกความเป็นส่วนตัว” มีเพียงแค่ 34% เท่านั้นที่เห็นตรงกันข้าม

แสดงให้เห็นว่าชาวอเมริกันจำนวนมากยังคงมีความหวาดกลัวการก่อการร้ายอยู่ลึกๆและต้องการให้รัฐบาลสหรัฐฯใช้ทรัพยากรทุกอย่างที่มีเพื่อต่อสู้กับการก่อการร้าย และชาวอเมริกันที่ได้รับแบบสอบถามชี้ว่า ต้องการความปลอดภัยมากกว่าความเป็นส่วนตัว ซึ่งทำให้เป็นเหตุผลที่ว่า อำนาจการขยายขอบเขตการสอดส่องจากรัฐบาลสหรัฐฯ และการใช้ศาลลับเป็นสิ่งที่สภาคองเกรสใช้

โดยสรุปชาวอเมริกันมีความกังวลใจต่อการสอดส่องทางอีเมลย์มากกว่าการแกะรอยทางโทรศัพย์ของหน่วยงานความมั่นคงของรัฐ อาจจะเป็นไปได้ว่าการเก็บข้อมูลแบบ metadata (ในที่นี้คือ หมายเลขที่โทรเข้าออกระยะเวลาการโทร วัน และสถานที่) ทำให้คนอเมิกันรู้สึกลำบากใจในการถูกลุกล้ำความเป็นส่วนตัวน้อยกว่า