รมว.กลาโหมปลาดิบชี้ “ญี่ปุ่นเข้มแข็ง” จะช่วยสร้างเสถียรภาพในเอเชีย

รอยเตอร์ - การที่ญี่ปุ่นเสริมความแข็งแกร่งทั้งในด้านเศรษฐกิจและการทหาร ก็เพื่อจะสามารถแสดงบทบาทที่เหมาะสมในเวทีโลก รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมญี่ปุ่น อิตสุโนริ โอโนเดระ กล่าวระหว่างการประชุมด้านความมั่นคง แชงกรี-ลา ไดอะล็อก ที่สิงคโปร์ วันนี้(1) โดยพยายามลบข้อกังขาของประเทศเพื่อนบ้านซึ่งยังไม่ลืมความโหดร้ายของกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

ญี่ปุ่นซึ่งมีข้อพิพาทหมู่เกาะอยู่กับจีนและเกาหลีใต้ ทั้งยังอยู่ในพิสัยโจมตีของขีปนาวุธเกาหลีเหนือ “ได้เคยสร้างความเสียหายและความทุกข์ทรมาน” ในอดีตก็จริง แต่รัฐบาลยุคปัจจุบันมีเจตนารมณ์ที่จะมองไปข้างหน้า และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศ

“ความแข็งแกร่งของญี่ปุ่นจะช่วยให้เรามีบทบาทรับผิดชอบทั้งในด้านความมั่นคงของภูมิภาค และเป็นผู้นำที่เข้มแข็งอย่างที่ประชาคมโลกคาดหวังไว้” โอโนเดระ กล่าวในที่ประชุม แชงกรี-ลา ไดอะล็อก ซึ่งเป็นการประชุมประจำปีว่าด้วยความมั่นคงระดับภูมิภาคที่สิงคโปร์

เพื่อที่จะบรรลุจุดประสงค์ดังกล่าว รัฐบาลญี่ปุ่นได้เพิ่มงบการทหารสำหรับปี 2013 เป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปี และขยายขนาดกองกำลังป้องกันตนเองเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี นอกจากนี้ยังจะพิจารณาทบทวนนโยบายการป้องกันประเทศ และอยู่ระหว่างจัดตั้งสภาความมั่นคงแห่งชาติขึ้นด้วย

รัฐมนตรีกลาโหมแดนอาทิตย์อุทัย ระบุว่า “บางคนมองว่าญี่ปุ่นกำลังใช้นโยบายเอียงขวา และเรายังได้ยินเสียงวิจารณ์มาว่า ญี่ปุ่นกำลังละทิ้งจุดยืนประเทศใฝ่สันติ (pacifist nation) และต้องการท้าทายระเบียบนานาชาติ”

“ความเห็นเช่นนี้ล้วนเป็นการเข้าใจผิดทั้งสิ้น... แนวทางเหล่านี้มีความสำคัญยิ่งต่อผลประโยชน์ของชาติเรา ซึ่งก็คือการปกป้องและส่งเสริมระเบียบนานาชาติ โดยมีพื้นฐานอยู่บนเสรีภาพ, หลักประชาธิปไตย และหลักนิติธรรม” โอโนเดระ กล่าว

ต่อคำถามที่ว่าญี่ปุ่นมีแผนที่จะพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์หรือไม่ รัฐมนตรีกลาโหมผู้นี้ยืนยันว่า “เราไม่เคยคิดเช่นนั้นเลย และเราเองก็มีหลัก 3 ประการว่าด้วยการไม่พึ่งพานิวเคลียร์ที่ต้องยึดถือ”

โอโนเดระ ชี้ว่า การที่สหรัฐฯขยายความร่วมมือทางทหารสู่เอเชียมีความสำคัญยิ่งต่อเสถียรภาพในภูมิภาคนี้ และโตเกียวเองก็ชื่นชมต่อนโยบาย “ปักหมุด” (pivot) ของสหรัฐฯด้วย แต่ขณะเดียวกันความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่นกับจีนก็สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน

ญี่ปุ่นยังแสดงความเชื่อมั่นในเรื่องเสรีภาพด้านการเดินเรือ และสนับสนุนความพยายามของสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ASEAN) ที่แนะนำให้จัดทำระเบียบปฏิบัติ (code of conduct) ว่าด้วยทะเลจีนใต้ เพื่อลดความขัดแย้งระหว่างจีนกับประเทศเพื่อนบ้าน