เอเจนซีส์ - เกาหลีใต้และอเมริกายกระดับการเตือนภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือขึ้นสู่สถานะ “มีภัยคุกคามอย่างสำคัญยิ่ง” โดยที่ข่าวกรองชี้ว่าเปียงยางมีสิทธิ์ยิงจรวดทุกเมื่อนับตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงต้นสัปดาห์หน้า ขณะที่จีนสั่งห้ามนักท่องเที่ยวข้ามด่านทางตะวันออกเฉียงเหนือเข้าสู่แดนโสมแดง แต่ยังอนุญาตการเดินทางเข้า-ออกเพื่อทำธุรกิจตามปกติ
สำนักข่าวยอนฮัปในเกาหลีใต้รายงานเมื่อวันพุธ (10) ว่า กองบัญชาการทหารร่วมเกาหลีใต้-สหรัฐฯ ได้ยกระดับการเตือนภัย “วอตช์คอน” (Watchcon) จากระดับ 3 เป็นระดับ 2 นั่นคือจากสถานะ “มีภัยคุกคามอย่างสำคัญ” เป็น “มีภัยคุกคามอย่างสำคัญยิ่ง” และจำเป็นต้องเพิ่มการเฝ้าติดตามตรวจตราตลอดจนเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่ข่าวกรอง
ในรายงานอีกชิ้นหนึ่ง ยอนฮัปอ้างอิงการเปิดเผยของแหล่งข่าวในรัฐบาลเกาหลีใต้ที่ว่า เปียงยางอาจกำลังเตรียมการยิงขีปนาวุธหลายๆ ลูก หลังจากมีการตรวจพบยานที่ใช้เป็นฐานปล่อยจรวดของโสมแดงจำนวนหลายคัน และบรรทุกขีปนาวุธทั้ง “สกั๊ด” ที่เป็นจรวดพิสัยใกล้ และ “โรดง” ที่เป็นพิสัยกลาง
ถึงแม้คำเตือนก่อนหน้านี้ของเกาหลีเหนือที่ส่งถึงบรรดาสถานทูตต่างประเทศในกรุงเปียงยาง ตลอดจนชาวต่างชาติทั้งหลายที่อยู่ในเกาหลีใต้ ได้รับการสนองตอบด้วยความเมินเฉยเป็นส่วนใหญ่ ทว่าทั่วโลกก็กำลังกังวลว่า ความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลีอาจพัฒนากลายเป็นสถานการณ์ความขัดแย้งไต่ระดับความรุนแรงขึ้นไปอย่างรวดเร็ว
บัน คีมูน เลขาธิการสหประชาชาติ กล่าวขณะเยือนกรุงโรมว่า ได้ขอให้ผู้นำจีนพยายามช่วยผ่อนคลายสถานการณ์ นอกจากนั้นเขาจะหารือเรื่องนี้กับประธานาธิบดีบารัค โอบามาแห่งสหรัฐฯ เร็วๆ นี้
“ระดับความตึงเครียดในปัจจุบันมีอันตรายเป็นอย่างยิ่ง เหตุการณ์เล็กๆ ที่เกิดขึ้นจากการคาดคำนวณผิด หรือการวินิจฉัยพลาด ก็อาจก่อให้เกิดสถานการณ์ที่ควบคุมไม่อยู่ขึ้นมา” เขาระบุ
เนื่องจากเกาหลีเหนือได้ออกคำเตือนในสัปดาห์ที่แล้ว ให้นักการทูตต่างชาติในเปียงยางอพยพออกไปก่อนวันที่ 10 นี้ จึงทำให้มีการคาดเดากันว่า โสมแดงอาจมีการยิงขีปนาวุธในช่วงตั้งแต่วันพุธ (10) ไปจนถึงวันที่ 15 ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิดของคิม อุลซุง ผู้ก่อตั้งประเทศที่ล่วงลับไปแล้ว และเป็นปู่ของ คิม จองอึน ผู้นำสูงสุดคนปัจจุบัน
ประจวบเหมาะกับที่ทั้งจอห์น เคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ และแอนเดอร์ส ฟ็อกห์ ราสมุสเซน เลขาธิการองค์การนาโต ก็มีกำหนดเดินทางเยือนกรุงโซลในวันศุกร์ (12) ทั้งคู่
ทางด้าน ยุน เบียงซี รัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีใต้ แถลงต่อรัฐสภาเมื่อวันพุธว่า เปียงยางอาจทดสอบนิวเคลียร์ได้ทุกเมื่อในระหว่างนี้ และสำทับว่า เกาหลีใต้ได้ทาบทามให้จีนกับรัสเซียหาทางไกล่เกลี่ยให้เกาหลีเหนือเย็นลง
ขณะเดียวกัน หน่วยข่าวกรองแดนโสมขาวระบุว่า เกาหลีเหนือได้เตรียมยิงขีปนาวุธพิสัยกลาง 2 ชุดทางชายฝั่งตะวันออก โดยไม่ฟังคำเตือนของจีน พันธมิตรสำคัญหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่ของตน
ส่วนที่วอชิงตัน พล.ร.อ.ซามูเอล ล็อกเลียร์ ผู้บัญชาการกองกำลังสหรัฐฯภาคพื้นแปซิฟิก กล่าวว่า กองทัพอเมริกันเชื่อว่า เกาหลีเหนือกำลังเคลื่อนย้ายขีปนาวุธพิสัยกลางแบบมูซูดัน จำนวนหนึ่งไปทางชายฝั่งด้านตะวันออก
ทั้งนี้คาดหมายกันว่า มูซูดันมีพิสัยทำการ 3,500 กิโลเมตร ซึ่งเท่ากับยิงไปถึงทั่วทั้งญี่ปุ่นและอาจรวมถึงเกาะกวม ซึ่งเป็นที่ตั้งฐานทัพอเมริกัน ขณะที่เกาหลีใต้อยู่ในเป้าหมายของจรวดสกั๊ด
พล.ร.อ.ล็อกเลียร์สำทับว่า ตัวเขาเองเห็นว่าควรยิงสกัดขีปนาวุธเกาหลีเหนือ เมื่อขีปนาวุธดังกล่าวเป็นภัยต่อสหรัฐฯ และพันธมิตรในภูมิภาค
ทั้งนี้ วันอังคารที่ผ่านมา (9) เกาหลีเหนือขู่ซ้ำว่า คาบสมุทรเกาหลีกำลังจะเข้าสู่สงครามเทอร์โมนิวเคลียร์ และแนะนำให้ชาวต่างชาติเดินทางออกจากเกาหลีใต้
นอกจากข่มขู่กันเป็นรายวันที่จะโจมตีฐานทัพอเมริกันและเกาหลีใต้ เนื่องจากไม่พอใจที่สองประเทศร่วมซ้อมรบประจำปีกันแล้ว เมื่อวันพุธ หนังสือพิมพ์โรดง ซินมุนของทางการเกาหลีเหนือ ยังกล่าวหาโตเกียวว่า นิยมลัทธิเสี่ยงภัยทางทหาร และเตือนไม่ให้ญี่ปุ่นเข้าข้างวอชิงตัน
ญี่ปุ่นนั้นอนุญาตให้กองทัพของตนสอยจรวดเกาหลีเหนือที่มุ่งหน้าสู่ดินแดนของตนได้ทันที รวมทั้งยังติดตั้งระบบต่อต้านขีปนาวุธ “แพทริออต” เตรียมพร้อมป้องกันตัวเต็มที่
สำหรับจีน พันธมิตรหนึ่งเดียวที่นับวันยิ่งเป็นที่น่าสงสัยว่า มีอิทธิพลโน้มน้าวเกาหลีเหนือมากน้อยเพียงใดนั้น ล่าสุด มีรายงานว่า ทางการเมืองตานตง ทางตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นด่านพรมแดนติดกับเกาหลีเหนือที่ใหญ่ที่สุด ไม่อนุญาตให้บริษัททัวร์นำนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไปในแดนโสมแดง เนื่องจากขณะนี้ทางการเปียงยางได้ขอให้ชาวต่างชาติออกนอกประเทศ
อย่างไรก็ดี นักธุรกิจยังสามารถข้ามแดนเข้า-ออกจากเกาหลีเหนือทางด่านชายแดนนี้ได้ตามปกติ