ทหารฝรั่งเศสถูกแทงกลางปารีส คล้ายลอนดอน-หวั่นกระแสลาม

เอเจนซีส์ - เจ้าหน้าที่สอบสวนของหน่วยป้องกันการก่อการร้ายฝรั่งเศสเข้ารับหน้าที่ตรวจสอบกรณีมีทหารถูกแทงอย่างอุกอาจในย่านชอปปิ้งของกรุงปารีส ถึงแม้ผู้นำแดนน้ำหอมยืนยันว่ายังไม่พบเรื่องนี้พัวพันเชื่อมโยงกับเหตุสังหารโหดทหารอังกฤษในลอนดอนเมื่อกลางสัปดาห์ที่แล้ว แต่ก็มีแนวโน้มว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะเพิ่มทวีความวิตกกังวลว่าอาจมีการลอบทำร้ายทหารตะวันตกในบ้านเกิดแพร่ระบาดกันมากขึ้น

เซดริก คอร์ดิเยร์ ทหารชาวฝรั่งเศสวัย 23 ปี ซึ่งถูกส่งเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล เวลานี้มีอาการทรงตัว หลังถูกแทงที่ลำคอในย่านชอปปิ้งใต้ดินและศูนย์การขนส่งของกรุงปารีสเมื่อวันเสาร์ (25) ขณะออกลาดตระเวนร่วมกับทหารอีก 2 นาย

ประธานาธิบดีฟรังซัวส์ ออลลองด์ของฝรั่งเศส กล่าวขณะเดินทางเยือนเอธิโอเปียว่า เหตุการณ์นี้ไม่เกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมทหารในลอนดอนเมื่อวันพุธที่แล้ว (22) โดยเจ้าหน้าที่กำลังรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับมือมีดที่ก่อเหตุในลักษณะการโจมตีต่อสาธารณชนคราวนี้ ทั้งนี้หลังก่อเหตุแล้ว คนร้ายได้หลบเร้นหายไปในกลุ่มคนโดยไม่มีการเอ่ยหรือทิ้งข้อความใดๆ

ทว่า มานูเอล วาลส์ รัฐมนตรีมหาดไทยฝรั่งเศส กลับแถลงในเวลาต่อมาว่ามีองค์ประกอบหลายอย่างที่อาจทำให้มีผู้ที่เชื่อมโยงการโจมตีอย่างรวดเร็วในกรุงปารีสคราวนี้ กับสิ่งซึ่งเกิดขึ้นที่ลอนดอนเมื่อกลางสัปดาห์ที่แล้ว

ขณะที่ ฌอง-อีฟส์ เลอ แดรง รัฐมนตรีกลาโหมแดนน้ำหอมกล่าวในทำนองเดียวกันว่า คอร์ดิเยร์ตกเป็นเป้าหมายเนื่องจากเป็นทหาร และเสริมว่า กำลังประสานงานกับวาลส์เพื่อตามล่า "ขบวนการก่อการร้าย”

ทางด้านสำนักงานอัยการปารีสระบุว่า หน่วยต่อต้านการก่อการร้ายจะรับผิดชอบการสืบสวนคดีนี้ ซึ่งกล้องวงจรปิดสามารถเก็บภาพไว้ได้

ตามการเปิดเผยของตำรวจฝรั่งเศส มือมีดที่เป็นชายมีหนวดเครา สูงราว 190 เซนติเมตร เดินเข้าไปทางด้านหลังและใช้มีดสั้นแทงคอคอร์ดิเยร์ ก่อนหลบหายเข้าไปในฝูงคน

ขณะเกิดเหตุ คอร์ดิเยร์ที่สวมเครื่องแบบและถืออาวุธ กำลังลาดตระเวนย่านธุรกิจลา เดฟองซ์ ของปารีส ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการเฝ้าระวังการก่อการร้ายของฝรั่งเศส ด้วยการนำทหารเข้าลาดตระเวนในย่านท่องเที่ยว ธุรกิจ และการขนส่งที่สำคัญ

การทำร้ายทหารฝรั่งเศสคราวนี้ ซึ่งเกิดขึ้นเพียง 3 วันหลังการสังหารโหดลี ริกบี้ ทหารอังกฤษ ในลอนดอน ได้รับการคาดหมายว่าจะกระตุ้นความหวาดกลัวว่า เหตุการณ์รุนแรงต่อทหารของประเทศตะวันตกภายในบ้านเกิดของพวกเขาเอง จะแพร่ระบาดออกไปอีก เนื่องจากกระแสความไม่พอใจของชาวมุสลิม จากการที่กองกำลังของชาติตะวันตกหลายชาติเข้าร่วมสงครามในอิรัก อัฟกานิสถาน และล่าสุดคือการที่ฝรั่งเศสส่งทหารเข้าแทรกแซงมาลี

สำหรับในอังกฤษนั้น มีผู้ถูกจับกุมเพิ่มอีก 3 คนในวันเสาร์ (25) โดยเป็นชายทั้งหมด เนื่องจากต้องสงสัยว่า สมรู้ร่วมคิดในการฆาตกรรมริกบี้ ทำให้ขณะนี้มีผู้ที่เกี่ยวข้องพัวพันกับคดีนี้ถูกจับกุมแล้วรวม 8 คน

ข่าวระบุว่า ชายสองคน อายุ 28 ปี และ 24 ปี ถูกจับที่บ้านซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของลอนดอน โดยคนที่อายุมากกว่าถูกตำรวจยิงด้วยปืนไฟฟ้า นอกจากนั้นยังมีชายคนที่ 3 วัย 21 ปี ถูกจับบนถนนห่างจากจุดฆาตกรรมประมาณ 1 ไมล์

ทั้งสามคนถูกควบคุมตัวโดยนักสืบของกองบัญชาการต่อต้านการก่อการร้าย ซึ่งได้รับการสนับสนุนโดยเจ้าหน้าที่ที่เชี่ยวชาญด้านอาวุธปืน

สำหรับผู้ต้องสงสัยฆาตกรรมริกบี้ 2 คนซึ่งถูกตำรวจยิงบาดเจ็บในสถานที่เกิดเหตุ ได้แก่ ไมเคิล อาเดโบลาโจ วัย 28 ปี และไมเคิล อาเดโบวาเล วัย 22 ปีนั้น เวลานี้ยังมีอาการทรงตัวและอยู่ภายใต้การควบคุมของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยติดอาวุธในโรงพยาบาลคนละแห่ง

รายงานข่าวระบุว่า ผู้ต้องสงสัยทั้งคู่ได้รับการเลี้ยงดูโดยชาวไนจีเรียที่นับถือศาสนาคริสต์ ก่อนที่พวกเขาจะหันมานับถือศาสนาอิสลามในช่วงวัยรุ่น และเมื่อไม่นานมานี้เคยมีคนพบทั้งสองเที่ยวแจกจ่ายงานเขียนเกี่ยวกับลัทธิหัวรุนแรงตามท้องถนน

นอกจากนี้ ชายคนหนึ่งซึ่งวิทยุโทรทัศน์บีบีซีรายงานว่าชื่อ อาบู นูเซย์บาห์ ที่ถูกตำรวจอังกฤษจับกุมเมื่อวันศุกร์ (24) เนื่องจากสงสัยว่าเตรียมการหรือส่งเสริมการก่อการร้าย ทว่าไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับเหตุสังหารทหารในลอนดอนนั้น ได้ระบุว่า อาเดโบลาโจเคยถูกเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองอังกฤษทาบทามให้เป็นสายให้เมื่อ 6 เดือนที่แล้ว แต่เจ้าตัวปฏิเสธ

นูเซย์บาห์สำทับว่า อาเดโบลาโจเคยถูกจับและสอบสวนในเคนยาเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งทางรัฐบาลเคนยาได้ออกมาปฏิเสธเรื่องนี้ทันทีโดยบอกว่า ชายผู้นี้ไม่เคยเดินทางไปเคนยามาก่อน

แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดในการสอบสวนยังเปิดเผยต่อสำนักข่าวรอยเตอร์เมื่อต้นสัปดาห์ที่แล้วว่า เอ็มไอ5 หน่วยความมั่นคงภายในของอังกฤษ รู้จักอาเดโบลาโจและอาเดโบวาเล แต่ไม่คิดว่าทั้งคู่จะเป็นภัยคุกคามร้ายแรง

ขณะเดียวกัน เฟธ แมตเทอร์ส องค์กรที่ได้รับการสนับสนุนเงินทุนจากรัฐบาลอังกฤษและมีเป้าหมายเพื่อสลายลัทธิหัวรุนแรง เผยว่าได้รับรายงานเหตุการณ์การต่อต้านชาวมุสลิมเพิ่มขึ้นอย่างมากนับจากเหตุแทงและตัดคอริกบี้

ไฟยาซ มูกาล ผู้อำนวยการเฟธ แมตเทอร์ส แจงว่า ได้รับการแจ้งเหตุ 162 กรณีภายในช่วง 48 ชั่วโมงที่ผ่านมา จากปกติที่ได้รับแจ้งเพียงวันละเฉลี่ย 4-6 กรณี โดยส่วนใหญ่เป็นการโจมตีด้วยคำพูดต่อผู้หญิงที่สวมผ้าคลุมศีรษะแบบอิสลาม นอกจากนี้ยังมีการโจมตีทางออนไลน์และการใช้ความรุนแรง และมีการจับกุมคนจำนวนหนึ่งในข้อหาแสดงความอาฆาตมาดร้ายในเว็บไซต์เครือข่ายสังคม