ปฏิบัติการกู้ภัยพายุหมุน “โอกลาโฮมา” ใกล้ยุติ ระบุความเร็วลมอยู่ในระดับรุนแรง “สูงสุด”

เอเจนซีส์ – การปฏิบัติการกู้ภัยเหยื่อพายุหมุนทอร์นาโดที่เมืองมัวร์ ชานนครโอกลาโฮมาซิตี เมืองหลวงของรัฐโอกลาโฮมา ใกล้ยุติ หลังไม่พบทั้งผู้รอดชีวิตและผู้เสียชีวิตเพิ่มเติมตั้งแต่คืนวันจันทร์ (20) ขณะที่มีการปรับระดับความรุนแรงของทอร์นาโดลูกนี้ให้ขึ้นไปเป็น อีเอฟ-5 ซึ่งเป็นระดับสูงสุด สำหรับตัวเลขผู้เสียชีวิตที่ได้รับการยืนยันลดลงเหลือ 24 ราย โดยเป็นเด็ก 9 ราย ซึ่ง 7 รายในจำนวนนี้ เสียชีวิตในโรงเรียนประถมแห่งหนึ่งที่ถูกพายุถล่มราบคาบ

นอกจากนี้ยังมีการคาดการณ์ว่า ทอร์นาโดลูกนี้จะทำให้เกิดความเสียหายคิดเป็นมูลค่าสูงกว่าพายุหมุนลูกที่ถล่มเมืองจ็อบลิน มลรัฐมิสซูรี 2 ปีที่แล้ว ซึ่งได้สร้างความวิบัติคิดเป็นเงินประมาณ 3,000 ล้านดอลลาร์

แกรี เบิร์ด หัวหน้าหน่วยดับเพลิงโอกลาโฮมา เปิดเผยเมื่อวันอังคาร (21) ว่า มั่นใจ “98%” ว่า ไม่มีผู้รอดชีวิตหรือร่างผู้เสียชีวิตอยู่ใต้ซากอาคารบ้านเรือนแล้ว โดยค้นไม่พบทั้งผู้รอดชีวิตหรือร่างผู้เสียชีวิตเพิ่มเลยนับจากคืนวันจันทร์

เบิร์ดแจงว่า ปฏิบัติการกู้ภัยมีเป้าหมายในการทำการค้นหา 3 ครั้งในทุกจุดเพื่อความมั่นใจ

ด้านเจ้าหน้าที่ฉุกเฉินเผยว่า ประสบปัญหาในการนำทางในย่านที่อยู่อาศัยที่เสียหายหนัก เนื่องจากป้ายสัญญาณบนถนนหายไปทั้งหมด เจ้าหน้าที่บางคนต้องใช้โทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์จีพีเอสช่วยนำทาง

นอกจากนั้น เจ้าหน้าที่ยังต้องเผชิญความเสี่ยงจากการถูกไฟฟ้าดูด เพราะมีสายไฟขาดห้อยระโยงระยาง ตลอดจนจากท่อส่งก๊าซที่รั่ว อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ก็สามารถช่วยผู้รอดชีวิตออกจากซากอาคารบ้านเรือนได้กว่า 100 คน ขณะที่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 237 คน

ในเวลาเดียวกัน สำนักงานบริการสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ (เอ็นดับเบิลยูเอส) ได้ยกระดับพายุทอร์นาโดลูกนี้ ที่ถล่มใส่โอกลาโฮมาเมื่อช่วงบ่ายวันจันทร์ จากระดับอีเอฟ-4 ไปเป็นอีเอฟ-5 ซึ่งเป็นระดับรุนแรงที่สุดตามมาตราฟูจิตะ โดยจะต้องมีความเร็วลมสูงกว่า 200 ไมล์ (322 กิโลเมตร) ต่อชั่วโมง

ทางสำนักงานบอกว่า พายุลูกนี้มีความรุนแรง “เหลือเชื่อ” พร้อมกับแจกแจงว่า เส้นทางในการสร้างความเสียหายของพายุนี้มีความยาว 17 ไมล์ (27.2) กิโลเมตร กว้าง 1.3 ไมล์ (2.08) กิโลเมตร และมีความเร็วลมอย่างน้อยที่สุด 322 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

พายุลูกนี้เข้าโจมตีเมืองมัวร์ ที่มีประชาชนอาศัยอยู่ราว 55,000 คนอย่างรุนแรงเป็นเวลา 45 นาที โดยที่เมืองนี้ยังเคยถูกทอร์นาโดถล่มครั้งใหญ่ที่สุดในเดือนพฤษภาคม 1999 โดยพายุลูกนั้นมีความเร็วลม 496 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดเท่าที่เคยวัดได้ทั่วโลก

บิล ซิตตี ผู้กำกับการตำรวจเมืองโอกลาโฮมาซิตี แถลงว่า มีผู้เสียชีวิตในเมืองมัวร์ 20 คน อีก 4 คนเสียชีวิตในโอกลาโฮมาซิตี

ขณะที่ แมรี ฟอลลิน ผู้ว่าการมลรัฐโอกลาโฮมา บอกว่า ยอดผู้เสียชีวิตอาจสูงกว่า 24 รายตามที่รายงานล่าสุด เนื่องจากผู้ตายบางส่วนอาจถูกนำไปทำพิธีศพโดยตรง

ก่อนหน้านี้ในวันอังคารมีการรายงานว่า จำนวนผู้เสียชีวิตที่ยืนยันแล้วมี 51 ราย ทว่าหน่วยงานชันสูตรศพอธิบายในเวลาต่อมาว่า สาเหตุที่ตัวเลขคลาดเคลื่อนมากเช่นนี้ อาจเป็นเพราะสถานการณ์ฉุกเฉินอันสับสน ทำให้มีการนับจำนวนผู้เสียชีวิตบางรายซ้ำ

ในจำนวนเด็กรวม 9 คนที่เสียชีวิตในคราวนี้ มีอยู่ 7 คนพบว่าตายที่โรงเรียนประถมพลาซา ทาวเวอร์สในเมืองมัวร์ ซึ่งพายุพัดหลังคาและผนังของอาคารปลิวหายไป ขณะที่เด็กและครูหลบอยู่ที่บริเวณโถงทางเดินและห้องน้ำ

เจ้าหน้าที่เผยว่า ยังพยายามค้นหาเด็กจำนวนหนึ่งที่ไม่พบในโรงเรียน ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าผู้ปกครองมารับกลับบ้านก่อนเวลา

อัลเบิร์ต แอชวูด จากสำนักงานบริหารภาวะฉุกเฉินของมลรัฐโอกลาโฮมา เผยว่า โรงเรียนแห่งนี้และโรงเรียนประถมแบรร์วูด ที่ได้รับความเสียหายหนักจากทอร์นาโดคราวนี้เช่นกัน ไม่มีห้องนิรภัยเพื่อหลบพายุ ผิดกับโรงเรียนอีกกว่า 100 แห่งในรัฐ ซึ่งได้รับทุนสนับสนุนจากทางการให้สร้างห้องนิรภัยแล้ว

เจ้าหน้าที่ระบุด้วยว่า ประชาชนได้รับแจ้งเตือนก่อนพายุมาถึง 16 นาที จากปกติที่จะมีการเตือนล่วงหน้า 8-10 นาทีเท่านั้น

ทางด้านประธานาธิบดีบารัค โอบามา ได้ประกาศให้โอกลาโฮมาเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติร้ายแรงตั้งแต่วันจันทร์ และสั่งการให้หน่วยงานของรัฐบาลกลางให้ความช่วยเหลือและประสานงานกับหน่วยงานในท้องถิ่นและของรัฐโอกลาโฮมาในการกู้ภัย พร้อมออกมาแถลงจากทำเนียบขาวว่า ชาวอเมริกันทั่วประเทศจะยืนหยัดเพื่อช่วยเหลือและให้กำลังใจประชาชนในมัวร์

นอกจากนั้น เจเน็ต นาโปลิทาโน รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ มีกำหนดเดินทางไปยังโอกลาโฮมาในวันพุธ (22) เพื่อให้การสนับสนุนความพยายามในการกู้ภัยและฟื้นฟูบูรณะ