อียู “ว่างจัด” ออกกฎเข้มการเสิร์ฟ “น้ำมันมะกอก” ในร้านอาหาร

รอยเตอร์ - ในวันเสาร์ (18) ที่ผ่านมา เหล่านักวิจารณ์ในยุโรปถากถางเจ้าหน้าที่อียู “ว่างจัด” แทนที่จะเอาเวลาไปจัดการวิกฤตเศรษฐกิจยุโรป แต่กลับออกมาตรการเสิร์ฟน้ำมันมะกอกในร้านอาหารแทน

นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมในปีหน้า สหภาพยุโรปออกกฎห้ามการเสิร์ฟน้ำมันมะกอกในเหยือกเล็กๆ หรือในถ้วยซอสในช่วงเวลาอาหารค่ำในร้านอาหาร และนอกจากนี้ยังบังคับให้ใช้แต่น้ำมันมะกอกที่บรรจุในขวดที่ห้ามเติมใหม่เท่านั้น

เจ้าหน้าที่สหภาพยุโรปเปิดเผยถึงสาเหตุที่ต้องออกมาตรการเช่นนี้ เพื่อประโยชน์ด้านสุขอนามัยและรับประกันถึงความบริสุทธิ์ของน้ำมันมะกอกที่เสิร์ฟในภัตตาคารว่าไม่มีอะไรเจือปน

อย่างไรก็ตามนักวิจารณ์แย้งว่ากฎเหล่านี้จะกระทบต่อผู้ผลิตน้ำมันมะกอกที่อยู่ในยุโรปและมันก็ไม่ได้เกิดผลดีอะไรในทางปฏิบัติ นอกจากนี้ยังจะทำชาวยุโรปทั่วไปให้รู้สึกอึดอัดมากขึ้นต่อกฎเกณฑ์เหล่านี้

และมารินา ยานาโกดากี สมาชิกอนุรักษนิยมของอังกฤษแห่งสภายุโรปให้ความเห็นที่สอดคล้องกันว่า “ถ้าสหภาพยุโรปมีเหตุผลที่สมควรและดำเนินการตามปกติ คนทั่วไปก็คงไม่ต่อต้านกับตัวสหภาพยุโรป แต่เมื่อมีเรื่องบ้าๆ แบบนี้เกิดขึ้น มันก็ถึงเวลาแล้วที่จะถามหาความถูกต้องและชอบธรรม”

ในขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่สหภาพยุโรปเผยต่อว่ามาตรการนี้ได้รับการลงคะแนนสนับสนุนจากกลุ่มสมาชิกสหภาพยุโรป 15 จาก 27 ประเทศ รวมถึงประเทศทางภาคพื้นยุโรปที่เป็นแหล่งผลิตน้ำมันมะกอกอย่าง อิตาลี กรีซ สเปน และโปรตุเกต ซึ่งประเทศเหล่านี้ต่างล้วนได้รับผลกระทบทางวิกฤตเศรษฐกิจยุโรปทั้งสิ้น

แต่สมาชิกสภายุโรป มารินากลับเห็นว่าสหภาพยุโรปไม่รู้จักการจัดลำดับก่อนหลังในการแก้ปัญหา “ประเทศเหล่านี้มีปัญหาไม่ใช่เพราะน้ำมันมะกอก แต่เป็นเพราะวิกฤตค่าเงินยูโร เพราะเช่นนั้นแต่ละประเทศควรตั้งใจแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจของตัวเองเป็นลำดับแรก”

เยอรมนีไม่เห็นด้วยในการออกมาตรการนี้โดยหนังสือพิมพ์ในเยอรมนี Sueddetsche Zeitung พาดหัวว่า “เป็นมาตรการที่ประหลาดที่สุดนับตั้งแต่กฎหมายเรื่องลักษณะของแตงกวาที่โค้ง” (ทางอียูเพิ่งเลิกมาตรการทีไม่อนุญาตให้ร้านค้าขายผักและผลไม้ที่มีรูปร่างผิดไปจากธรรมชาติเช่นแตงกวาที่โค้งหรือกล้วยหอมที่ตรงเมื่อไม่กี่ปีมานี้) ในขณะที่อังกฤษที่ได้รับอิทธิพลจากบรัสเซลไม่ลงคะแนนเสียง