เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - การเลือกตั้งประธานาธิบดีของไซปรัสจำเป็นต้องจัดขึ้นใหม่ในรอบชี้ขาดวันที่ 24 ก.พ.นี้ หลังผลการเลือกตั้งรอบแรกเมื่อวันอาทิตย์ (17) ออกมาว่าผู้สมัครซึ่งเป็น “เต็งหนึ่ง” อย่างนายนิคอส อนาสตาเซียเดส ได้รับคะแนนเสียงไม่ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ตามที่กฎหมายกำหนด
รายงานข่าวล่าสุดยืนยันว่า อนาสตาเซียเดส วัย 66 ปีผู้นำพรรค “DISY” พรรคการเมืองแนวอนุรักษนิยมสายกลาง-ขวา ได้รับคะแนนเสียงจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีรอบแรกวันอาทิตย์ (17) เพียง 45.46 เปอร์เซ็นต์ หรือไม่ถึงเกณฑ์ขั้นต่ำที่ 50 เปอร์เซ็นต์ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดส่งผลให้อนาสตาเซียเดสต้องไปชิงชัยในการเลือกตั้งรอบชี้ขาดวันที่ 24 ก.พ. กับสตาฟรอส มาลาส คู่แข่งคนสำคัญจากพรรคการเมืองฝ่ายซ้าย “Akel” ที่ได้คะแนนในรอบแรกตามมาเป็นอันดับ 2 ที่ 26.91 เปอร์เซ็นต์
การเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งนี้ของไซปรัสถูกปกคลุมด้วย เมฆหมอกแห่งปัญหาทางเศรษฐกิจและวิกฤตด้านการเงินของประเทศ หลังจากที่ไซปรัสกลายเป็นสมาชิกรายที่ 5 ของกลุ่มยูโรโซน หรือกลุ่ม 17 ประเทศที่ใช้เงินยูโรเป็นเงินตราสกุลหลักที่ต้องประกาศขอรับความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจคิดเป็นวงเงินไม่ต่ำกว่า 17,000 ล้านยูโร (ราว 677,900 ล้านบาท) จากสหภาพยุโรป (อียู) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ)
ก่อนการเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์ (17) อนาสตาเซียเดสยืนยันว่าเขาพร้อมเจรจากับอียูและไอเอ็มเอฟ และจะให้การสนับสนุนมาตรการรัดเข็มขัด เพื่อแลกกับความช่วยทางเศรษฐกิจ หากได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของประเทศ
ทั้งนี้ นอกจากปัญหาทางเศรษฐกิจแล้วผู้ชนะการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของไซปรัสยังมีความท้าทายในการเจรจาสันติภาพกับแกนนำทางการเมืองของกลุ่มประชากรเชื้อสายตุรกีทางตอนเหนือของประเทศ หลังจากที่ไซปรัสต้องถูกแบ่งแยกออกเป็นส่วนเหนือและส่วนใต้มายาวนานหลายสิบปีนับแต่ที่ตุรกีส่งกองทัพเข้ามารุกรานเมื่อปี 1974
