เอเอฟพี - เรือบรรทุกเครื่องบิน ยูเอสเอส นิมิตซ์ ของสหรัฐฯ เดินทางถึงเกาหลีใต้เพื่อร่วมปฏิบัติการซ้อมรบทางทะเลในสัปดาห์นี้ ขณะที่รัฐบาลโสมแดงออกถ้อยแถลงประณามว่าเป็นการยั่วยุอย่าง “ไม่ยั้งคิด” ของโซลและวอชิงตัน ซึ่งมีแผนจะรุกรานเกาหลีเหนือ
กองเรือโจมตีของสหรัฐฯซึ่งนำโดยเรือ ยูเอสเอส นิมิตซ์ พลังงานนิวเคลียร์ เดินทางถึงท่าเรือเมืองปูซานตั้งแต่เมื่อวานนี้(11) หลังจากที่ปฏิบัติการซ้อมรบร่วมระหว่างโซลกับวอชิงตันซึ่งทำให้คาบสมุทรเกาหลีร้อนระอุที่สุดในรอบหลายปี เพิ่งจะปิดฉากลงไปหมาดๆ
กระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ แถลงว่า เรือ ยูเอสเอส นิมิตซ์ ซึ่งมีระวางขับน้ำ 97,000 ตัน และจัดอยู่ในกลุ่มเรือรบที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก จะร่วมปฏิบัติการค้นหาและช่วยชีวิต รวมถึง “การใช้กลยุทธ์ทางทะเล” ในน่านน้ำรอบคาบสมุทรเกาหลี
คณะกรรมาธิการเพื่อการรวบรวมชาติอย่างสันติ ซึ่งเป็นหน่วยงานเกาหลีเหนือที่รับผิดชอบกิจการข้ามแดน เอ่ยถึงการมาของกองเรือสหรัฐฯครั้งนี้ว่า เป็น “การยั่วยุทางทหารอย่างรุนแรง” ซึ่งจะทำให้ความสัมพันธ์สองเกาหลีตึงเครียดอีกระลอก
“การซ้อมรบทางทะเลที่นำอาวุธยุทโธปกรณ์ล่าสุดมาใช้ รวมถึงเรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์ นับเป็นการขู่กรรโชกเราอย่างร้ายกาจ และแสดงให้เห็นด้วยว่า... ความพยายามของพวกเขาที่จะรุกรานเราเกินเลยจนถึงขั้นไม่รู้จักยั้งคิดเสียแล้ว”
การซ้อมรบทางทะเลครั้งล่าสุดระหว่างสองชาติพันธมิตรคาดว่าจะมีขึ้นนอกชายฝั่งตะวันออกของเกาหลีใต้ ระหว่างวันที่ 13-14 พฤษภาคมนี้ ตามรายงานจากสำนักข่าวยอนฮัปซึ่งอ้างข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม
สถานการณ์ตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลีในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาเริ่มผ่อนคลายลง พร้อมกับการปิดฉากซ้อมรบประจำปีระหว่างสหรัฐฯและเกาหลีใต้เมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยเปียงยางได้สั่งเคลื่อนย้ายขีปนาวุธพิสัยกลาง 2 ลูกออกจากฐานยิงบริเวณชายฝั่งตะวันออกของประเทศแล้ว
อย่างไรก็ตาม กองบัญชาการกองทัพเกาหลีเหนือประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ทหารเกาหลีเหนือที่ประจำการอยู่ใกล้น่านน้ำพิพาทในทะเลเหลืองได้รับคำสั่งให้ยิงตอบโต้ทันที หากลูกปืนเกาหลีใต้ถูกยิงมาตกในน่านน้ำพิพาทแม้แต่ลูกเดียว
เกาหลีเหนือและใต้เคยมีการปะทะอย่างรุนแรงที่นอกชายฝั่งตะวันตก เมื่อปี 1999, 2002 และ 2009 และในเดือนพฤศจิกายนปี 2010 เกาหลีเหนือก็ได้ยิงปืนใหญ่ถล่มเกาะยอนพยอง จนทำให้พลเรือนและนาวิกโยธินโสมขาวเสียชีวิตไป4 ราย