ผลสำรวจชี้คนมะกันส่วนใหญ่ไม่อยากให้สหรัฐฯแทรกแซง “ปัญหาซีเรีย”

รอยเตอร์ - ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ไม่ปรารถนาให้รัฐบาลสหรัฐฯ แทรกแซงวิกฤตการเมืองในซีเรีย แม้จะมีหลักฐานว่าประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด นำอาวุธเคมีออกมาเข่นฆ่าประชาชนก็ตาม ผลสำรวจโดยรอยเตอร์/อิปซอสที่เผยแพร่เมื่อวานนี้(1) ระบุ

ขณะที่วอชิงตันกำลังหาหนทางตอบสนองปัญหาซีเรียซึ่งทวีความรุนแรงขึ้นทุกขณะ ผลสำรวจความคิดเห็นออนไลน์กลับพบว่า มีชาวอเมริกันที่ตอบแบบสอบถามเพียงร้อยละ 10 เท่านั้นที่เห็นว่าสหรัฐฯควรยื่นมือเข้าไปคลี่คลายปัญหาซีเรีย ขณะที่ร้อยละ 60 เห็นว่าสหรัฐฯ ไม่ควรก้าวก่าย

ในส่วนของคำถามที่ว่า สหรัฐฯควรทำเช่นไรหากประธานาธิบดี อัสซาด ใช้อาวุธเคมีสังหารพลเมือง ผู้ตอบแบบสอบถามร้อยละ 27 เห็นว่า วอชิงตันควรเข้าแทรกแซงทันที ขณะที่ร้อยละ 44 ยังไม่ต้องการให้รัฐบาลเข้าไปพัวพันปัญหาเช่นเดิม

“ชาวอเมริกันเหนื่อยหน่ายที่จะข้องเกี่ยวกับปัญหาภายนอก โดยเฉพาะเมื่อคำนึงถึงเรื่องอัฟกานิสถาน ประกอบกับช่วงนี้เป็นช่วงครบรอบ 10 ปีของการนำทหารบุกอิรักด้วย” จูเลีย คลาร์ก เจ้าหน้าที่สำรวจจากอิปซอส ระบุ

การประท้วงขับไล่รัฐบาล อัสซาด ที่ลุกลามจนกลายเป็นสงครามกลางเมือง คร่าชีวิตชาวซีเรียไปไม่น้อยกว่า 70,000 คนตั้งแต่เหตุการณ์เริ่มปะทุเมื่อต้นปี 2011 และยังส่งผลให้ชาวซีเรียอีก 1.2 ล้านคนต้องทิ้งถิ่นฐานบ้านเกิดไปลี้ภัยในต่างแดน

ที่ผ่านมา ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ยังไม่ด่วนนำสหรัฐฯเข้าไปพัวพันสงครามซีเรียโดยตรง แต่ก็แถลงเตือนเมื่อปีที่แล้วว่า หาก อัสซาด ใช้อาวุธเคมีเมื่อใดก็เท่ากับเป็นการ “ข้ามเส้น”

เมื่อวันอังคาร(30) โอบามา เอ่ยถึงหลักฐานที่ยืนยันได้ว่าอาวุธเคมีถูกนำออกมาใช้ในสงครามซีเรียจริง แต่ยังไม่อาจระบุได้ว่าสหรัฐฯจะทำอะไรได้มากไปกว่าการส่งความช่วยเหลือที่มิใช่อาวุธ (non-lethal aid) แก่ฝ่ายกบฎ ดังเช่นที่ทำอยู่

ผลสำรวจพบด้วยว่า คนอเมริกันจำนวนไม่น้อยยังไม่รับรู้ว่าเกิดวิกฤตการเมืองในซีเรีย โดยร้อยละ 36 หรือราว 1ใน 3 ของผู้ตอบแบบสอบถามไม่เคยได้ยินหรืออ่านข่าวเกี่ยวกับสงครามกลางเมืองซีเรียมาก่อน ร้อยละ 19 เคยอ่านมาบ้าง “พอสมควร” และมีเพียงร้อยละ 8 ที่ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

ผลสำรวจครั้งนี้สรุปจากการสอบถามความคิดเห็นชาวอเมริกัน 519 คนที่อายุ 18 ปีขึ้นไป ระหว่างวันที่ 26 เมษายน ถึง 1 พฤษภาคม โดยมีค่าความผิดพลาดไม่เกิน 4.9%