รอยเตอร์ - อเมริกันชนกว่าครึ่งหนึ่งต้องการให้รัฐบาลสหรัฐฯ เนรเทศผู้อพยพผิดกฎหมายราว 11 ล้านคน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงแรงต้านในสังคมที่วอชิงตันอาจต้องเผชิญ หากคิดที่จะผ่อนคลายกฎหมายคนเข้าเมือง ผลสำรวจความคิดเห็นโดยรอยเตอร์/อิปซอส ระบุวานนี้ (20)
ผลโพลออนไลน์ชี้ให้เห็นว่า ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ยังไม่เห็นด้วยกับนโยบายผ่อนปรนแก่ผู้อพยพ แม้จะมีความพยายามปฏิรูปครั้งใหญ่ในสภาคองเกรสก็ตาม
ผู้ตอบแบบสอบถามร้อยละ 30 คิดว่า ผู้อพยพส่วนใหญ่สมควรถูกเนรเทศ เว้นแต่เพียงบางคนที่อาจได้รับยกเว้น ขณะที่ร้อยละ 23 เชื่อว่ารัฐบาลน่าจะขับไล่พวกหลบหนีเข้าเมืองออกไปให้หมดสิ้น
ร้อยละ 5 เห็นว่า สหรัฐฯ ควรเปิดโอกาสให้ผู้อพยพทุกคนได้อาศัยอยู่บนแผ่นดินอเมริกาอย่างถูกกฎหมาย ส่วนอีกร้อยละ 31 ต้องการให้ผู้อพยพผิดกฎหมายส่วนใหญ่อยู่ในประเทศต่อไป
จูเลีย คลาก นักวิเคราะห์จากอิปซอส ระบุว่า ผลสำรวจครั้งนี้สอดคล้องกับโพลในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา และบ่งบอกว่าทัศนคติที่ชาวอเมริกันมีต่อผู้อพยพยังคงไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก หลังจากที่ประเด็นนี้กลับมาเป็นที่ถกเถียงในคองเกรสตั้งแต่เดือนที่แล้ว
“คนอเมริกันส่วนใหญ่ไม่ได้เปลี่ยนความคิด แต่ที่เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นร้อนเพราะบรรยากาศทางการเมืองมากกว่า” คลากเผย โดยอ้างถึงผลเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ซึ่งพบว่าชาวอเมริกันเชื้อสายฮิสแปนิกเทคะแนนให้ประธานาธิบดีบารัค โอบามา อย่างล้นหลาม
“พรรคเดโมแครตมองว่า ถึงเวลาแล้วที่พวกเขาจะใช้ชัยชนะครั้งนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ขณะที่รีพับลิกันเองก็รู้สึกว่าพวกเขาพ่ายแพ้หมดรูป และอยากหันไปเอาอกเอาใจคนเชื้อสายฮิสแปนิกบ้าง”
แม้โพลจากสำนักต่างๆจะบ่งชี้ว่า ชาวอเมริกันส่วนใหญ่สนับสนุนแผนปฏิรูปกฎหมายคนเข้าเมือง แต่เมื่อพิจารณาในรายละเอียดกลับพบว่าพวกเขายังมีความเห็นต่าง บ้างก็สนับสนุนให้รัฐผ่อนคลายข้อบังคับ ในขณะที่บางกลุ่มต้องการให้กฎหมายคนเข้าเมืองของสหรัฐฯ เข้มงวดยิ่งขึ้น