xs
xsm
sm
md
lg

ผลวิจัยชี้ภาพลักษณ์สหรัฐฯดูดีขื้นในสายตาคนเม็กซิกัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ประธานาธิบดีบารัค โอบามา กำลังจับมือกับประธานาธิบดีเอนริเก้ เปนา นีเอโต แห่งเม็กซิโก ซึ่งเพิ่งได้รับการเลือกตั้งกลับเข้าตำแหน่งมาเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2012 โดยการเยือนสหรัฐฯของประธานาธิบดีเม็กซิโกในครั้งนั้น ผู้นำทั้งสองพบกันแบบทวิภาคีในห้องทำงานรูปไข่ในทำเนียบขาว เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2012 (ภาพจากแฟ้ม)
พิวโกลบอล – ก่อนการเยือนอย่างเป็นทางการของประธานาธิบดีบารัค โอบามา รัฐบาลสหรัฐฯจะต้องรู้สึกพอใจต่อผลสำรวจในหมู่ชาวเม็กซิกันที่แสดงให้เห็นทัศนคติที่ดีต่อประเทศสหรัฐอเมริกา โดยผลโพลชี้ส่วนใหญ่ของชาวเม็กซิกันมีทัศนคติเชิงบวกต่อสหรัฐอเมริกาประเทศเพื่อนบ้านทางตอนเหนือและมีจำนวนชาวเม็กซิกันเพิ่มขึ้นรู้สึกเชื่อมั่นต่อประธานาธิบดีโอบามา

สำนักวิจัยพิว ซึ่งเป็นหน่วยงานวิจัยที่ไม่ฝักใฝ่การเมืองในสหรัฐฯ ก่อตั้งเพื่อทำการสำรวจความคิดเห็นของสาธารณชน ตลอดจนข่าวสารต่างๆ ได้ทำการสำรวจความเห็นทั่วประเทศเม็กซิโกในช่วงระหว่างวันที่ 1- 17 มีนาคม ที่ผ่านมานี้ โดยสุ่มตัวอย่างจากชาวเม็กซิกันวัยทำงานจำนวน 1,000 คน พบว่า 2 ใน 3 (66%) มีความชื่นชอบต่อสหรัฐฯ ซึ่งเพิ่มมากกว่าปีทีแล้ว(2012) 56% และเพิ่มขึ้นมากเป็นปรากฎการณ์เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2010ภายหลังจากมลรัฐแอริโซนาผ่ากฏหมายอพยพเข้าเมือง ซึ่งเป้าหมายของกฎหมายฉบับนี้คืออนุญาตให้เจ้าหน้าที่สามารถตรวจสอบ หรือกักขังบุคคลใดก็ตามซึ่งส่วนมากจะเป็นคนเชื้อสายลาตินอเมริกาที่สงสัยว่าจะเข้าประเทศโดยผิดกฎหมาย ซึ่งช่วงนั้นความนิยมของชาวเม็กซิกันต่อประเทศสหรัฐฯตกต่ำหลือแค่ 44 %

ผลโพลพบว่า โอบามายังคงได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นมากกว่าปีที่ผ่านๆมา โดยประมาณครึ่งหนึ่ง(49%)ของชาวเม็กซิกันรู้สึกเชื่อมั่นต่อโอบามาและนโยบายการต่างประเทศของเขา เปรียบเทียบกับตัวเลขในปี 2012 อยู่ที่ 42% และ38 %ในปี 2011

นอกจากนี้ ปัจจุบันชาวเม็กซิกันส่วนมากลงความเห็นว่า สหรัฐฯมีแนวโน้มเอื้อประโยชน์ให้กับประเทศเม็กซิโกเมื่อต้องตัดสินใจนโยบายต่างประเทศ ผลโพลชี้ว่าประมาณครึ่งหนึ่ง(51%) ของชาวเม็กซิกันเห็นเช่นนี้ ในขณะที่ 45 % ไม่เห็นด้วย

จากกำหนดการเยือนของโอบามาในสัปดาห์นี้ ปัญหาทวิภาคีโดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างสหรัฐฯและเม็กซิโก ได้รับการคาดหมายว่าจะเป็นหนึ่งในวาระสำคัญของการพบกันระหว่างประธานาธิบดีบารัค โอบามาและประธานาธิบดีเอนริเก้ เปนา นีเอโต แห่งเม็กซิโก ทั้งนี้ผลสำรวจพบว่ามากกว่า 70% ของชาวเม็กซิกันเชื่อว่าความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจที่ลึกซึ้งระหว่าง 2 ประเทศนี้จะส่งผลดีต่อประเทศของพวกเขา ซึ่งลดลงเล็กน้อยจาก 76% ในปี 2009เมื่อสำนักวิจัยพิวถามคำถามเดียวกันนี้ต่อกลุ่มตัวอย่าง

และเมื่อเจาะจงถามถึงอิทธิพลสหรัฐฯต่อเศรษฐกิจของเม็กซิโก 1 ใน 3ของชาวเม็กซิกันมองไปทางบวกว่าจะมีผลดีต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ ขณะที่ 28% มองไปทางลบว่าอิทธิพลสหรัฐฯจะมีผลเสียต่อระบบเศรษฐกิจของเม็กซิโก

ทัศนคติของชาวเม็กซิโกต่อการอพยพไปอาศัยในสหรัฐฯ

สำหรับความเห็นทางด้านการอพยพเข้าสหรัฐฯ ซึ่งในปัจจุบันนี้มีชาวเม็กซิโกมากกว่า 11 ล้านคนอาศัยอยู่ โดยตัวเลขนี้รวมถึง 6 ล้านคนที่เข้าประเทศอย่างผิดกฎหมาย เมื่อการสำรวจถามถึงผลดีผลเสียของปรากกการณ์เช่นนี้ 44% ของชาวเม็กซิกันเห็นว่าเป็นผลดีกับประเทศ ในขณะที่จำนวนสัดส่วนเท่าๆกันเห็นว่าเป็นผลเสีย

ประมาณ 6 ใน 10 ของ ชาวเม็กซิกัน(61%) กล่าวว่า พวกเขาจะไม่ย้ายไปสหรัฐฯถึงแม้จะมีช่องทางและโอกาส อย่างไรก็ตาม สัดส่วนจำนวนน้อยกว่า (35%) ยืนยันว่าถ้ามีโอกาสจะย้ายไปสหรัฐฯ รวมถึง 20 % ที่ตั้งใจจะเข้าสหรัฐฯอย่างผิดกฎหมาย

นอกจากนี้ ชาวเม็กซิกันมีทัศนคติเปลี่ยนไปต่างจากปีที่แล้วๆต่อสภาพความเป็นอยู่ของผู้อพยพชาวเม็กซิกันในอเมริกา ในปี 2013 มีจำนวนชาวเม็กซิกันลดลงเหลือแค่ 47% ที่เห็นว่าผู้อพยพชาวเม็กซิกันมีชีวิตที่ดีขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับ 53% ในปี 2012 และในปี 2013จำนวน 1 ใน 5 (18%) ของชาวเม็กซิกันคิดว่าผู้อพยพชาวเม็กซิกันมีชีวิตที่เลวลง ขณะที่ 29% ไม่มีความคิดเห็น อย่างไรก็ตาม ชาวเม็กซิโกที่มีคนที่รู้จักอาศัยอยู่ในสหรัฐฯคิดว่า 70% ของคนที่รู้จักประสบความสำเร็จตามเป้าหมายของพวกเขา ในขณะที่ 25% ไม่คิดเช่นนั้น

3 ใน 10 ของชาวเม็กซิกันกล่าวว่าพวกเขามีคนรู้จักที่อพยพไปสหรัฐฯ และต้องผิดหวังย้ายกลับมาเพราะหางานทำไม่ได้ และประมาณ 1 ใน 4 (27%) ของชาวเม็กซิกันยอมรับว่ารู้จักคนที่ถูกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯส่งตัวกลับประเทศ หรือรู้จักคนที่ถูกคุมขังโดยรัฐบาลกลางสหรัฐฯในข้อหาหลบหนีเข้าเมืองในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา
ป้ายจราจรในสหรัฐฯเตือนผู้ขับขี่ชาวอเมริกันให้ระวังไม่ให้ชนชาวเม็กซิกันที่ข้ามแดนอย่างผิดกฎหมาย
กำลังโหลดความคิดเห็น